เตรียมทำงานทันทีหลังจบการแถลงนโยบายรัฐบาล “แพทองธาร 1” ของ น.ส.แพทองธาร  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่นำคณะรัฐมนตรี ร่วม แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ  โดยมีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน

ซึ่งนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาล “แพทองธาร 1” จะดำเนินการทันทีใน  10 ด้าน ได้แก่  1.ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ 2.ดูแลและส่งเสริมพร้อมกับปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะ SMEs 3. ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค 4. สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี  5. กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต (Digital Wallet)  6.ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัย 7. ส่งเสริมการท่องเที่ยว เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)  8. แก้ไขปัญหายาเสพติด 9.เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรม   10. ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคม  สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ

ขณะเดียวกันยังมีการดำเนินการพลิกฟื้นความเชื่อมั่นหลังประเทศไทยเผชิญกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองและความขัดแย้งแบ่งขั้วอุดมการณ์ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะพัฒนาการเมืองในระบอบประชาธิปไตยให้เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ มีนิติธรรมและความโปร่งใส 4 เรื่อง ดังนี้ 1.จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น 2. ยึดมั่นในหลักนิติธรรมและความโปร่งใส 3. ปฏิรูประบบราชการและกองทัพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ 4.ยกระดับบริการภาครัฐตอบสนองความต้องการของประชาชน

ถึงเวลาคิกออฟเริ่มทำงานทันที  โดยเฉพาะ “นายกฯอิงค์” ต้องเร่งสร้างศรัทธาจากประชาชนโดยเร็ว ซึ่งในยุครัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ก็เจอเรื่องหักกับพรรคก้าวไกล หันมาจับมือ  “2 ลุง”  ขณะที่ “นายกฯอิ๊งค์”  ก็เจอปมร้อน  จากชั้น 14  รวมถึงกว่าจะเป็นรัฐบาล “อิ๊งค์ 1” ก็ต้องมาเสียมวลชนคนเสื้อแดง  ที่มาเอา แกนนำ กปปส. ที่ขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  มาร่วม ครม. “อิ๊งค์ 1”  หรือแม้แต่การสร้าง “สส.งูเห่า”  สร้างความแตกแยก ทุบพรรคการเมืองถึง 2 พรรค “ ประชาธิปัตย์  – พลังประชารัฐ”  หรือการให้ทายาททางการเมืองมาร่วม ครม.จากปัญหาเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติ จนถูกขนานนามว่า เป็น  “ครม. สืบสันดาน”

ฉะนั้นความน่าเชื่อถือของประชาชนแทบจะ ติดลบ ดังนั้น สิ่งที่ “นายกฯอิ๊งค์” และ “รัฐบาล” ต้องเร่งกอบกู้ศรัทธาจากประชาชน คือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ  โดยเฉพาะ 10 นโยบาย เร่งด่วนที่แถลงต่อรัฐสภา โดยมีไฮไลท์สำคัญเดิมพันธ์อนาคต  คือ นโยบายดิจิตัลวิอลเล็ต ที่กลับไป กลับมา จนสุดท้ายต้องกู้เงินมาแจก หรือแม้แต่ สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่มีเป้าหลัก คือ การทำกาสิโน เพื่อเพิ่มรายได้  ตรงนี้ก็ต้องดูว่า เมื่อถึงเวลาจริง จะฝ่าแรงต้าน จากสังคม และทำได้จริงหรือไม่ รวมถึงปราศจาก ข้อครหา ว่ามีการเอื้อให้ “นักการเมือง – เอกชนนายทุนใหญ่” หรือไม่

หากสุดท้ายถ้าสามารถทำให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋า ก็เชื่อว่าจะเป็นวีซ่า ต่อให้ “นายกฯอิ๊งค์” เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ครบวาระ.