เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม วาระการแถลงนโยบายรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

โดยนายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งได้ยืนอภิปรายฝั่งพรรคเพื่อไทย ได้กล่าวสนับสนุนรัฐบาล ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสังคมหนี้เยอะ แต่รายได้หด ปี 2563 ไทยมี GDP ติดลบ ร้อยละ 6.1 ในช่วงโควิด-19 แต่หลังจากนั้น ปี 2565–2566 ที่เราผ่านสถานการณ์โควิด-19 มาแล้ว GDP กลับโตเพียงกว่า ร้อยละ 3 ขณะที่เพื่อนบ้านโตกว่า ร้อยละ 8-9 ตนได้อ่านนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และเห็นด้วยในหลายเรื่องที่แถลงในสภา ทั้ง การเร่งจัดเก็บภาษีจากเศรษฐกิจใต้ดิน การเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ การปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ

“ประเทศไทยจำเป็นต้องมีเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ตัวใหม่ และจะทำให้เราก้าวไปข้างหน้า และเพิ่มสวัสดิการให้ประชาชน ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ เบี้ยผู้พิการ และหากสามารถขยายฐานภาษี เพิ่มรายได้ของประเทศผ่านนโยบายต่าง ๆ ของท่านนายกรัฐมนตรี เราจะสามารถนำไปลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งระบบราง ถนน ชลประทาน ประปา แก้แล้งแก้ท่วม” นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าแพง และวิกฤติราคาพลังงาน ซึ่งไทยต้องใช้ก๊าซธรรมชาติ ร้อยละ 57 ในการผลิตไฟฟ้า แต่เมื่อพิจารณาจากแผนจัดหาเชื้อเพลิงนั้น จะเห็นว่า ก๊าซในอ่าวไทย ใน 5 ปีข้างหน้า จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นเราจึงมีความจำเป็นจัดหาก๊าซในรูปแบบอื่น เพราะในภาวะสงคราม จะทำให้ค่าไฟพุ่งสูง ตนจึงสนับสนุนนโยบายของนายกรัฐมนตรี และครม. ให้เร่งพิจารณาจัดหาแหล่งก๊าซให้ประเทศไทย เพื่อเสถียรภาพของพลังงาน เช่น การเจรจาพื้นที่ทับซ้อน ระหว่างไทย-กัมพูชา ในการขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่ำลง

นายอัครแสนคีรี กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังรวมถึงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ ที่หลายจังหวัดเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม ที่ผ่านมา ท่วมเสร็จ ก็แล้งต่อ ตนในฐานะ สส.ชัยภูมิ เคยเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ติดตามสถานการณ์จากต้นตอ จึงมีความหวังว่า 3 รัฐมนตรีใหม่ของกระทรวงเกษตรฯ ทั้ง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรฯ นายอัครา พรหมเผ่า และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ จะเข้ามาสานต่อ ในสิ่งที่ ร.อ.ธรรมนัส ได้ทำก่อนหน้านี้ เพื่อพี่น้องประชาชนได้ประโยชน์ หวังว่า ครม.ของนายกฯ จะจัดทำแผนจัดการน้ำทั้งระบบ ให้จบแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด.