กำลังสำคัญสู่ปรากฏการณ์ของ “แวว” สายสุนีย์ จ๊ะนะ จอมดาบสาว คนแรกของโลก ที่คว้า 3 เหรียญทองฟันดาบพาราลิมปิกเกมส์ ประเภทบุคคลหญิง พ่วงด้วย 1 เหรียญทองแดง เอเป้ทีมหญิง

เธอย้ำเสมอว่าทีมงานมีส่วนสำคัญ โค้ชคือคนสำคัญ เพราะเธอเป็นคนที่คิดมาก โค้ชจะคอยตะโกนกระตุกสมาธิกลับมา

พลาดไปช่างมัน…”อยู่กับปัจจุบัน!!!”

“โค้ชปุ๊ย” นันทา จันทสุวรรณสิน

ยอดโค้ชคนนี้ ปัจจุบันอายุ 40 ปี เป็นอดีตนักฟันดาบทีมชาติไทย ไปรายการใหญ่ครั้งแรก ในซีเกมส์ 2003 ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม ตอนนั้นได้เหรียญทองแดง ฟอยล์บุคคลหญิง

ผลงานดีสุดคือ เหรียญทองฟอยล์ บุคคลหญิง ในซีเกมส์ที่โคราช ปี 2007 นอกจากนั้น ยังมี 1 เหรียญเงิน และ 7 เหรียญทองแดง

ระดับประเทศเป็นแชมป์ประเทศไทย 18 สมัย

โค้ชปุ๊ย บอกว่า นี่คือการเป็นโค้ชในพาราลิมปิกเกมส์ ครั้งแรกในชีวิต หน้าที่หลักคือประเภท เซเบอร์ และ ฟอยล์ ที่ สายสุนีย์ พังเพดาน คว้าเหรียญทองครั้งแรก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเภทเซเบอร์บุคคล ที่ สายสุนีย์ ไม่เคยได้เหรียญมาก่อน และยอมรับว่าหวังน้อยที่สุด ในรอบชิงชนะเลิศ เฉือนชนะ เสี่ยว หรง จากจีนสุดระทึก 15-14

นันทา จันทสุวรรณสิน บอกว่า ตอนนั้นตื่นเต้นมาก ใจแทบทะลุออกมา ตอนเสมอ 14-14 แล้วดาบสุดท้าย ที่เฮไปก่อน เพราะมั่นใจว่าได้ ตนเองเป็นผู้ตัดสิน รู้ว่าได้แน่ แต่ก็ยอมรับว่าเซอร์ไพร้ส์ที่คว้าทองเซเบอร์

โค้ชปุ๊ย กล่าวด้วยว่า เธอกับ พี่แวว ผ่านอะไรมาเยอะ กว่าจะถึงจุดนี้ ต้องเข้าใจกัน สายสุนีย์ มีฝีมืออยู่แล้ว โค้ชแค่ช่วยให้มีสมาธิ ขอแค่มั่นใจ

ย้อนก่อนมาเป็นโค้ชให้ทีมฟันดาบพาราไทย เธอเป็นผู้ตัดสินในกีฬาแห่งชาติ ได้เจอกับ สายสุนีย์ จึงชวนกันมาสอนฟันดาบนักกีฬาคนพิการ

ผลงานจาก ปารีสเกมส์ 2024 เป็นเรื่องเกินเป้าหมายของเธออย่างมาก เพราะไม่ใช่แค่ความสำเร็จของ สายสุนีย์ แต่ยังมีนักกีฬาคนอื่นที่มีเหรียญกลับบ้าน ส่งผลถึงกำลังใจของรุ่นน้องที่กำลังพัฒนา

“เราต้องช่วยกัน เรามีทีมที่ดี” โค้ชปุ๊ย กล่าว

กับพาราลิมปิก 4 ปีข้างหน้าที่ลอสแอนเจลิส โค้ชปุ๊ย เชื่อว่า สายสุนีย์ ยังไปไหว ขอเพียงแค่ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บ เพราะฟันดาบ นอกจากใช้กำลัง ยังต้องใช้สติสัมปชัญญะ

มั่นใจว่า นักกีฬารุ่นพี่จะยังมีโอกาสสร้างผลงานเพื่อประเทศชาติอีกครั้ง.