เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่หอประชุมคุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เปิดกิจกรรมรณรงค์ “การอ่านเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต” ในโรงเรียนสังกัด สพฐ. โดยว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า การอ่านเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ จึงจำเป็นต้องสร้างนักเรียนของเราให้อ่านออก อ่านเป็น คิดเป็น แยกแยะข้อมูลข่าวสารที่รับมาได้จากหลากหลายช่องทางให้รู้เท่าทันกับเหตุการณ์ต่างๆ สามารถนำข้อมูลที่ได้จากการอ่าน มาคิดวิเคราะห์ วิพากษ์ได้อย่างสร้างสรรค์ และใช้ประโยชน์จากสิ่งที่อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย สพฐ. ขอให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาจัดการส่งเสริมและพัฒนาให้นักเรียนเป็นนักอ่าน รักการอ่าน สร้างชุมชนการอ่านในโรงเรียน เริ่มตั้งแต่ตัวนักเรียน ห้องเรียน จนนำไปสู่ชุมชนการอ่านในโรงเรียน โดยครูผู้สอนเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับนักเรียนมากที่สุด รองจากพ่อแม่หรือผู้ปกครอง เมื่อนักเรียนได้เห็นครูเป็นตัวอย่างของนักอ่าน อ่านในเรื่องที่หลากหลาย อ่านในเรื่องที่สนใจ และมีความสุขจากการอ่าน ก็จะเป็นแรงบันดาลใจ เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เกิดกระบวนการอยากเรียนรู้ สร้างเสริมนิสัยรักการอ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมา เราเจอสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด ส่งผลให้ต้องมีการปรับรูปแบบการเรียนการสอนเป็นออนไลน์ทั้งหมด จนทำให้พบว่านักเรียนมีภาวะถดถอยทางการเรียนรู้เกิดขึ้นกับเด็กกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำให้เห็นชัดเจนว่าในโครงการประเมินสมรรถนะนักเรียนระดับนานาชาติ หรือพิซา เด็กไทยมีค่าผลคะแนนที่ต่ำลงค่อนข้งมาก แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ที่ สพฐ. ได้วางมาตรการเชิงรุกในการกระตุ้นทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ติดอาวุธให้นักเรียนไทยทุกคนอ่านออกเขียนได้ เพื่อแก้ปัญหาภาวะถดถอยทางการเรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งตนมั่นใจว่าคุณภาพทางการศึกษาของเราจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะแม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทต่อการเรียนมากแค่ไหน แต่ในที่สุดเด็กทุกคนจะต้องเริ่มต้นจากการอ่านแทบทั้งสิ้น