นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีพีไอ โพลีน พาวเวอร์ หรือ TPIPP เปิดเผยในเวทีเสวนา หัวข้อ “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจใหม่ จัดโดย หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์ ว่า บริษัทพร้อมจะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน (Netzero) โดยที่การเติบโตของบริษัทที่ผ่านมาตั้งแต่ไป 2009 มีพลังงานความร้อนทิ้ง 60 เมกะวัตต์, ปี 2022 มีพลังงานทั้งหมด 440 เมกะวัตต์ โดย 40 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานความร้อนทิ้ง 180 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานขยะ และ 220 เมกะวัตต์ เป็นถ่านหิน

ในสิ้นปี 2024 นี้ เพิ่มเป็นพลังงาน 540 เมกะวัตต์ โดย 40 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานความร้อนทิ้ง ถ่านหินเหลือแค่ 150 เมกะวัตต์ พลังงานขยะ 250 เมกะวัตต์ และโซลาร์ 37 เมกะวัตต์ จากนั้นในปี 2026 หลังจากผ่านการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้วจะขึ้นไป 540 เมกะวัตต์ โดยเป็นพลังงานความร้อนทิ้ง 40 เมกะวัตต์ เป็นพลังขยะ 420 เมกะวัตต์ และเป็นโซลาร์ 69 เมกะวัตต์ ส่วนพลังงานถ่านหินจะหายไปทั้งหมด  

ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งโซลาร์ฟาร์ม 3 เฟส กำลังการผลิต 62 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จที้งหมดกลางเดือน พ.ค. 68 และติดตั้งรูฟท็อป 5.1 เมกะวัตต์ จำหน่ายให้กับโรงกระเบื้อง และการเปลี่ยนผ่านจากพลังงานถ่านหินทั้งหมดให้เป็นขยะ 40 เมกะวัตต์ แล้วเสร็จไปแล้วทั้งหมด 3 เฟส จาก 6 เฟส

สรุปคือ ปี 2020 มีพลังงาน 440 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานถ่านหิน 220 เมกะวัตต์ ประมาณ 50% จากนั้นปี 2024 นี้มีพลังงานเพิ่มเป็น 477 เมกะวัตต์ 150 เมกะวัตต์ มาจากถ่านหินประมาณ 30% และสิ้นปี 2026 มีพลังงานรวม 540 เมกะวัตต์ โดยไม่มีไฟฟ้าที่ผลิตจากถ่านหินอีกต่อไป

นั่นหมายถึง บริษัทต้องรับขยะให้มากขึ้น โดยปี 2020 รับขยะจาก 8,500 ตัน/วัน หรือ 2.5 ล้านตัน/ปี ทำให้มีการกำจัดคาร์บอนได้ 5.8 ล้านตัน และในปี 2026 ที่จะใช้ขยะมากขึ้น 17,000 ตัน/วัน ทำให้ต้องรับขยะ 5.2 ล้านตัน/ปี ลดปริมาณคาร์บอนได้ 12 ล้านตัน/ปี