สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่า ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโกที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 1 ต.ค. ที่จะถึงนี้ ผลักดันการปฏิรูปอย่างหนัก เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศ ซึ่งเขาวิพากษ์วิจารณ์ระบบตุลาการในปัจจุบันว่า “เน่าเฟะ” ทุจริต ตลอดจนทำหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของชนชั้นนำทางการเมืองและเศรษฐกิจ

แม้หลายฝ่ายแสดงความกังวลว่า แผนการปฏิรูประบบตุลาการ เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่, ความตึงเครียดทางการทูต และความวิตกกังวลของนักลงทุน แต่โลเปซ โอบราดอร์ ยืนกรานว่า แผนดังกล่าวจะเป็น “ตัวอย่างให้กับโลก”

กระนั้น ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย รวมถึงบรรดาผู้สันทัดกรณีด้านกฎหมาย และประธานศาลฎีกาเม็กซิโก กล่าวเตือนว่า ผู้พิพากษาที่มาจากการเลือกตั้ง อาจเสี่ยงต่อการตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอาชญากรมากขึ้น เนื่องจากแก๊งค้ายาเสพติดที่มีอิทธิพลในประเทศ มักใช้การติดสินบนและการข่มขู่ เพื่อโน้มน้าวเจ้าหน้าที่เป็นประจำ

ก่อนหน้านี้ วุฒิสมาชิกของเม็กซิโก จำเป็นต้องระงับการอภิปรายชั่วคราว และเปลี่ยนสถานที่หารือเกี่ยวกับแผนการปฏิรูประบบตุลาการ หลังกลุ่มผู้ประท้วงบุกเข้าอาคารวุฒิสภา โดยภายหลังการอภิปรายรอบใหม่ แผนการข้างต้นได้รับการลงมติรับรอง ด้วยคะแนนเสียง 86 ต่อ 41 ส่งผลให้มีเสียงข้างมากถึง 2 ใน 3 ซึ่งจำเป็นต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

อนึ่ง กลุ่มผู้ประท้วง รวมถึงพนักงานศาล และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ กลับมารวมตัวบนท้องถนนอีกครั้ง ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังวุฒิสภาเม็กซิโกผ่านการรับรองแผนปฏิรูประบบตุลาการ ซึ่งภายใต้แผนการนี้ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ผู้พิพากษาระดับสูง และผู้พิพากษาระดับท้องถิ่น จะได้รับเลือกตั้งจากคะแนนเสียงของประชาชน.

เครดิตภาพ : AFP