เมื่อวันที่ 11 ก.ย. พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 สั่งการให้ พ.ต.ต.ปิยะณัฐ รัตนเพียร พ.ต.ต.ภัทรโชติ ฉัตรทวีศักดิ์ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 พร้อมชุดปฏิบัติการธนบุรีร่วมกันจับกุมตัว นายโมฮัมเหม็ด อายุ 41 ปี สัญชาติแทนซาเนีย ในข้อหา “เป็นนายจ้างรับคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือที่มีสิทธิที่จะทำได้ (ขายของหน้าร้าน )” และนายอมาร์ อายุ 39 ปี สัญชาติซีเรีย ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวทำงานนอกเหนือที่มีสิทธิที่จะทำได้ (ขายของหน้าร้าน)” โดยจับกุมได้ที่ร้านขายเสื้อผ้า ชั้นใต้ดินภายในอาคารใบหยก สกายทาวเวอร์ ถ.ราชปรารภ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี กรุงเทพฯ นอกจากนี้มีข้อมูลว่านายโมฮัมเหม็ด ยังมีพฤติการแอบอ้างโดยการขอถ่ายภาพกับผู้นำในต่างประเทศ หรือคณะวีไอพีที่เดินทางมาประเทศไทย เพื่อใช้แอบอ้างว่าเป็นผู้มีอิทธิพล

โดยรายงานข่าวแจ้งว่า นายโมฮัมเหม็ด มีการเข้าไปขอพบรัฐมนตรีประเทศแทนซาเนีย ซึ่งเป็นคณะวีไอพีเพื่อขอถ่ายรูปที่บริเวณภายในลอบบี้โรงแรมย่านสุขุมวิท แต่ถูกการ์ดกันไว้ และนายโมฮัมเหม็ดได้หลบหนีไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบนายโมฮัมเหม็ด เป็นบุคคลอันตราย มีประวัติการใช้กำลังทำร้ายร่างกายผู้อื่น มีการนำผู้หญิงแทนซาเนียมาขายบริการทางเพศ และส่งเงินกลับประเทศ โดยมีการหักค่าหัวคิว ส่วนตัวนายโมฮัมเหม็ด มีลูก และภรรยาหลายคน พูดภาษาไทยได้ชัดเจนด้วย

จากการสืบสวนทราบว่านายโมฮัมเหม็ด มีการเปิดร้านขายเสื้อผ้าย่านประตูน้ำ และมีโรงงานอยู่ย่านบางบอน เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังไปตรวจสอบยังร้านขายเสื้อผ้าจนพบตัวนายโมฮัมเหม็ด และนายอมาร์ ลูกจ้าง จึงทำการขอตรวจสอบเอกสารประจำตัวพบว่ามีการขออยู่ต่อประเภทธุรกิจ Non-B ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ทำหน้าที่ผู้จัดการตลาด จึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 รายส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท เพื่อดำเนินคดีข้อหาที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาเจ้าหน้าที่กก.สืบสวน บก.ตม.1 ได้สืบสวนขยายผลจนทราบว่ามีการลับลอบนำบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และเข้ามาทำงานบริเวณอาคารพาณิชย์ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการสกรีนเสื้อผ้าชื่อย่านบางบอน กทม. ซึ่งมีนายโมฮัมเหม็ด เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท โดยขณะเข้าตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 9 ราย ที่กำลังทำงานอยู่ เมื่อขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบผู้ต้องหา 2 รายอยู่เกินกำหนด และอีก 7 คน ลักลอบเข้าเมืองมาโดยผิดกฏหมาย ซึ่งทั้งหมดไม่มีใบอนุญาตการขอทำงานแต่อย่างใด โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินสดสัปดาห์ละ 2,100 บาท ซึ่งอาศัยอยู่อาคารนี้มาเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จึงดำเนินคดีต่างในข้อหาตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” และ “เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” จำนวน 2 ราย และแจ้งข้อหา “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาเเละอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต” จำนวน 7 ราย และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนายโมฮัมเหม็ด ในฐานะกรรมการบริษัทฯ ในข้อหา “รับคนต่างด้าวเข้าทำงาน โดยที่คนต่างด้าวไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ก่อนจะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป