นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ ผู้มีประสบการณ์ด้านพลังงาน เปิดเผยในเวทีเสวนา หัวข้อ “พลังงานสะอาด” ความยั่งยืน และทางรอดธุรกิจใหม่ จัดโดย หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ เปิดเผยว่า เราเลี่ยงปัญหาโลกร้อนไม่ได้ และเริ่มมีกลไกต่างๆ มาบังคับมากขึ้น โดยที่เรากำลังจะเปลี่ยนจากการใช้ฟอสซิลไปเป็นพลังงานหมุนเวียน (อาร์อี) ซึ่งจะเปรียบฟอสซิล เป็นรถบรรทุกที่ปล่อยควันแต่สามารถวิ่งได้ทั้งวัน แต่อาร์อีเปรียบเสมือนรถจักรยาน ที่หากจะใช้รถขนส่งสินค้าจะต้องใช้จำนวนมาก

ดังนั้น มองว่าในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านนี้ จึงควรใช้รถแบบกึ่งกลางระหว่างรถจักรยานและรถบรรทุก เพราะหากใช้รถจักรยานจำนวนมาก จะบริหารจัดการลำบาก และมีต้นทุนแฝง จึงใช้ร่วมกับรถบรรทุกที่ลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนเพื่อขนพลังงานสะอาดไปสู่ผู้ใช้

อย่างไรก็ตาม การจะไปสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นนั้น พบว่าแต่ละประเทศมีข้อจำกัดที่แตกต่างกัน อาทิ สิงคโปร์ มีการซื้อพลังงานทั้งหมดราคาจึงปรับขึ้นไปสูงแน่ๆ, ฟิลิปปินส์ มีทรัพยากรค่อนข้างน้อย ใช้ถ่านหินเป็นหลักจึงทำได้ลำบาก ส่วนในประเทศไทยอยู่ในช่วงกึ่งกลาง ที่มีแก๊สต่างๆ ที่ช่วยให้คาร์บอนน้อยลง ฉะนั้น เราต้องดูว่าเราจะเดินไปอย่างไร และหาจังหวะให้ตรงกับช่วงเวลา

นอกจากนี้ นโยบายค่าไฟฟ้าแต่ละประเทศเองก็แตกต่างกัน อย่าง มาเลเซียและอินโดนีเซีย ค่าไฟฟ้าที่อยู่อาศัยถูกมาก เพราะมีทรัพยากรแก๊ส ถ่านหินในประเทศ จึงมีต้นทุนราคาถูก และรัฐบาลได้นำเงินจากการขายไปช่วยกลุ่มเปราะบาง ส่วนประเทศไทย รัฐบาลไม่ได้มีเงินเหลือมาช่วยกลุ่มเปราะบาง ซึ่งหลังจากนี้ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง และควรจะพูดคุยกับประเทศอื่นๆ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 

“ฉะนั้น ผู้ใช้ไฟจึงอาจต้องการพลังงานสะอาด บางกลุ่มไม่ต้องการ จึงจำเป็นต้องมีใบการันตีว่าผู้ใช้ไฟ ใช้จากผู้ผลิตจากไหน เพื่อเชื่อมผู้ผลิตกับผู้ที่ต้องการร่วมกัน“