เป็นอีกหนึ่งสาวที่ฮอตไม่เบาเลยทีเดียว สำหรับ “เก๋ไก๋-ณัฐธิชา นามวงษ์”หรือ “เก๋ไก๋ สไลด์เดอร์” ที่ทั้งงานรุมแถมยังมีหนุ่มๆมาขายขนมจีบอยู่เรื่อยๆนั้น โดยก่อนหน้านี้เก๋ไก๋ได้มีโอกาสบินไปประเทศเยอรมนี เพื่อไปเยี่ยมแม่ของเธอแต่มากไปกว่านั้นคือ ได้ไปเจอ “อาร์บี” หนุ่มหล่อสายฝอคนสนิทชาวเยอรมัน ที่แฟนๆตามเชียร์ทั้งคู่หนักมาก ล่าสุดในงานกาล่าภาพยนตร์ “Achilles Curse…อคิลลิสเคิร์ส กับสมบัติต้องคำสาป” ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์ออนไลน์” มีโอกาสได้เจอและสัมภาษณ์ เก๋ไก๋ ถึงสถานะระหว่างหนุ่มอาร์บี พร้อมทั้งอัปเดตผลงานและเรื่องราวชีวิต โดยเก๋ไก๋ เผยว่า


“ช่วงนี้ก็ดูยูริ ชอบดูหญิงหญิง ถามว่าอยากเล่นไหม ก็น่าสนใจนะ อยากเล่นกับผู้หญิง แต่เขาบอกว่าต้องไปเรียนนะ มันจะมีเทคนิคในการมองอะไรอย่างนี้ ตอนนี้ก็ประทับใจคู่ พี่หลิงหลิงกับน้องออม เหมือนเขามีเรื่องใหม่แล้วด้วย ก็ติดตามอยู่ เคยเวิร์คช็อปเรียนการแสดงกับพี่หลิงหลิง ถ้ามีผู้ใหญ่ทาบทาม ก็ต้องเป็นเรื่องของอนาคต หนูว่าน่าสนุก น่าสนค่ะ เพราะว่ายังไม่เคย ก็ต้องลองอะไรใหม่ๆ
(หัวใจเราก็ต้องอะไรใหม่ด้วยไหม?) ก็ไม่ใหม่นะ หัวใจของเรามีให้ช่อง 3 ที่ไปเยอรมันคือไปเที่ยวค่ะ ไปหาคุณแม่ เพราะคุณแม่อยู่ที่นั่น (ได้เจอเพื่อนสนิทไหม?)ก็ได้เจอเขา(อาร์บี)ค่ะ สนุกเพราะได้ไปหาแม่ด้วย แล้วก็มีเพื่อนไปเที่ยวด้วย เขาเป็นไกด์ให้เราคือไปเที่ยวยุโรปเขาไม่ได้คุยอังกฤษล้วน ถ้ามีเพื่อนไปก็จะดี ถามว่าเขาดูแลดีไหม คือเราดูแลกัน เขาเป็นคนน่ารัก คุณแม่ถูกใจไกด์คนนี้ไหม อุ้ย ตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่เรามีฟีลเหมือนเป็นเพื่อน แล้วก็เจอแม่ แม่ก็บอกว่าน่ารัก ฟีลเหมือนเราคุยกัน เป็นเพื่อนที่เก๋อยากคุยด้วย มีฝึกภาษา ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เพื่อนเล่นไม่เล่นเพื่อนถามถึงโอกาสพัฒนา นั่นเป็นเรื่องของอนาคต เราพูดถึงใครเราก็อาการออก สถานะหัวใจตอนนี้ก็ดีค่ะ มีทั้งคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว พี่ หรือเป็นเพื่อนๆ ที่อยู่รอบตัวตอนนี้”

“ตอนนี้ใช้คำว่าโสด 100% คุยได้หมดเลย คือตอนนี้เรามีเพื่อน มีครอบครัว เรารู้สึกว่าแฮปปี้ ยังไม่ได้ผูกมัดกับใคร เรื่องบางอย่างมันต้องใช้เวลา เพราะว่าการที่จะข้ามสเต็ปบางอย่างไป ถ้าเรารีบๆ หรือไม่มั่นใจ จะเกิดอะไรตามมาไม่รู้ เราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้น ช้าแต่ชัวร์ค่ะ ทุกคนลองจีบ ชวนอาบีมาไทยค่ะ หนูอยากเจอเขาที่นี่เหมือนกัน ยังคุยกันทุกวัน เราเป็นเพื่อนกัน เราคุยกันตลอด เขาจะมีความน่ารักตรงที่ว่า เวลาคุยกันอัปเดต เขาจะถามว่าวันนี้เป็นยังไง หนูว่าแค่ถามกันแบบนี้ เราก็รู้สึกว่าเฮ้ย มีคนอยากรู้เรื่องของเราด้วยเหรอ แต่ไทม์โซนต่างกัน ก็จะได้คุยกันตอนที่เราตื่นแล้วเขายังไม่นอน ต้องหาเวลา เพราะเวลาห่างกัน 5 ชั่วโมง ก็คุยกันเป็นภาษาอังกฤษตลอดค่ะ”

ขอบคุณภาพประกอบจาก:kaykai_ntch