สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ว่ากระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นรายงาน สถิตินักปีนเขาและนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมายังภูเขาไฟฟูจิ ในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ระหว่างต้นเดือน ก.ค.-ต้นเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา มีจำนวนราว 178,000 คน ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งอยู่ที่มากกว่า 200,000 คน และมากกว่านั้นเมื่อช่วงเวลาก่อนเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19


สถิติที่ออกมาค่อนข้างสวนทางกับภาพรวม ซึ่งข้อมูลอย่างเป็นทางการของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนเกือบ 18 ล้านคน ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567


ทางการจังหวัดยามานาชิ ตั้งอยู่ในภูมิภาคทางตอนกลางของญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ เริ่มใช้มาตรการกำหนดจำนวนนักปีนเขา ซึ่งต้องการปีนขึ้นสู่ภูเขาไฟฟูจิ โดยใช้เส้นทางโยชิดะ ที่เป็นเส้นทางซึ่งนิยมใช้กันมากที่สุด วันละไม่เกิน 4,000 คน และนักปีนเขาแต่ละคนต้องจ่ายค่าธรรมเนียมคนละ 2,000 เยน (ราว 476 บาท) ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จะปิดเส้นทางโยชิดะ ระหว่างเวลา 16.00-03.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละวัน เพื่อป้องกันการลักลอบค้างคืน สำหรับฤดูกาลปีนภูเขาไฟฟูจิปีนี้ สิ้นสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศหลังจากนั้นจะเย็นชื้นมากขึ้น และเริ่มมีหิมะตก


ปัจจุบัน เส้นทางปีนขึ้นสู่ภูเขาไฟฟูจิมี 4 เส้นทาง โดยเส้นทางโยชิดะในจังหวัดยามานาชิ ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนอีก 3 เส้นทาง อยู่ในท้องที่จังหวัดชิซุโอกะ.

เครดิตภาพ : AFP