วันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมแกรนด์ริเวอร์ไซด์ จ.พิษณุโลก นายสมพงษ์ เย็นแก้ว อธิบดีอัยการภาค 6 เป็นประธานเปิดโครงการฝึกอบรมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในส่วนภูมิภาค ให้แก่อัยการแต่ละจังหวัด ของภาค 5 และภาค 6 เพื่อให้อัยการได้รู้จักการทำสำนวนเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่กำลังเป็นปัญหาทางอาชญากรรมของประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งหลังจากมีกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยในแต่ละปีนี้มีการแจ้งความเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 700 คดี ต่อวัน ความเสียหายปีหนึ่ง ประมาณ 450,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่สามารถทำคดีได้คืน มาเพียงแค่ 2% เท่านั้น ทำให้ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ได้จัดการอบรมการดำเนินคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีขึ้นมา เพื่อให้รู้เท่าทันเกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าว และสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ในที่สุด

นายวีระชาติ ศรีบุญมา ผู้อำนวยการสถาบันอบรมการดำเนินคดีชั้นสูงสุด สำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ เพื่อให้อัยการรู้เท่าทันด้านกฎหมายคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยที่ผ่านมา ได้มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขึ้นมาพบว่า ยังมีปัญหา และยังไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทั่วถึงและทันท่วงที ซึ่งประชาชนยังประสบปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากขึ้น โดยหากเดือดร้อนหรือถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ก็สามารถโทรศัพท์สายด่วนศูนย์ AOC 1441 ได้ หรือ คอลเซ็นเตอร์ของสถาบันการเงินนั้นๆ ทั้งนี้ เพื่อยับยั่งหรืออายัดทันที ภายใน 72 ชม. หลังจากนั้นก็ไปแจ้งความทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถอายัดได้อีก 7 วัน และที่สำคัญนั้น ทางอัยการจะสร้างกระบวนการเยียวยาให้กับประชาชน หากอายัดเงินได้เร็ว ก็สามารถคืนเงินได้เร็ว ซึ่งเป็นประสิทธิภาพที่สำนักงานอัยการเติมเต็มให้กับประชาชนทีเดือดร้อน แต่ตอนเจออุปสรรคมากมาย เช่น สถาบันการเงินให้ความร่วมมือไหม กสทช. หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และแบงก์ชาติให้ความร่วมมือหรือไม่ ทางอัยการจะทำการบุกเบิกกระตุ้นให้หน่วยงานเหล่านี้เร่งทำงานร่วมกัน