นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังเข้ากระทรวงพาณิชย์วันแรกว่า นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการขณะนี้ได้พูดคุยเบื้องต้นกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อว่า ปัญหาหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นเราต้องช่วยกันแก้ไข เพราะว่าเศรษฐกิจไทยแย่มาตลอดหลายปี โดยได้พูดคุยเบื้องต้นกับปลัดกระทรวงฯ ไว้แล้ว ซึ่งจะต้องร่วมมือกันทำงาน โดยกระทรวงพาณิชย์พร้อมเป็นกลไกแก้ไขปัญหาในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาไทยไม่ได้มีการเจรจาการค้ามาหลายปี ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องหาตลาดใหม่และบุกตลาดใหม่ในการส่งออก

นอกจากนี้ การไปช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น การดูแลปัญหาปากท้อง ราคาสินค้าราคาถูก ขณะที่การดูแลราคาสินค้าเกษตรต้องดำเนินมาตรการเชิงรุก มองว่ามีสินค้าเกษตรอะไรที่จะออกมา และจัดเตรียมการบริหารจัดการไว้ล่วงหน้า ส่วนรายละเอียดของการดำเนินการ ขอให้รอการแถลงนโยบายของรัฐบาลก่อน ซึ่งในวันที่ 16 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมมอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์  รวมถึงแบ่งงานระหว่าง 2  รัฐมนตรีช่วยด้วย

นายพิชัย กล่าวว่า การแก้ปัญหาให้กับเอสเอ็มอีซึ่งขณะนี้กำลังประสบปัญหากับสินค้าทะลักจากต่างประเทศ ยอมรับว่าเอสเอ็มอีได้รับปัญหาค่อนข้างเยอะ แต่ต้องทำความร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพราะมีความจำเป็น โดยอยากช่วยเหลือเรื่องการตัดหนี้ ซึ่งเข้าใจว่า ธปท. ยึดหลัก มอรัล ฮาซาร์ด โดยไม่อยากสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ทำการผิดนัดชำระหนี้

“แต่จริง ๆ แล้วต้องเข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ มอรัล ฮาซาร์ด เพราะช่วง 2-3 ปี เกิดสถานการณ์โควิด ถือเป็นปัญหาของเศรษฐกิจทั้งโลก ดังนั้น การช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการกลับมามีรายได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป หากปล่อยไปเศรษฐกิจก็จะแย่ลงเรื่อย ๆ และหนี้ก็จะเพิ่มขึ้น ท้ายที่สุดก็ต้องตัดหนี้อยู่ดีและให้ความช่วยเหลือ และคิดว่าความร่วมมือจากแบงก์ชาติและธนาคารพาณิชย์เป็นเรื่องสำคัญ”

ทั้งนี้ การดูแลเรื่องราคาสินค้าต่างประเทศทะลักเข้าไทยนั้นไม่อยากใช้คำว่า สินค้าจีนเพียงอย่างเดียว เพราะจะกลายเป็นต่อต้าน โดยจีนเองก็กังวล ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ได้พูดคุยและพร้อมหารือกับทางจีนเพื่อหาทางออกร่วมกัน  เพราะว่าจีน หรือแม้สหรัฐอเมริกาเอง ก็มองประเทศไทยเป็นพี่เป็นน้อง ซึ่งเป็นเรื่องโชคดี ถ้าเราสานสัมพันธ์กับต่างประเทศได้ดี ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวเร็ว ก็จะดึงดูดการลงทุนให้เพิ่มขึ้น ต่อเนื่องในอนาคต

“อุตสาหกรรมใหม่ต่างชาติ ก็ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศ  และที่ผ่านมาผมได้ไปดูงานและมีนักลงทุนไทยก็สนใจที่จะเข้ามา มีเม็ดเงินเข้ามากว่าแสนล้านบาทที่นำมาลงทุน และหากเรามีแนวทางชัดเจนก็น่าจะมีเข้ามาเป็นล้านล้านบาท โดยขณะนี้ จะเห็นว่า เรื่องการลงทุนไหลเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 40-50% และเชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”