จากการตกรอบคัดบอลโลก มาซาทาดะ อิชิอิ ใช้โอกาสในการถ่ายเลือดใหม่ช้างศึก ชุดลุย LP BANK CUP ที่เวียดนาม จาก 23 คน มีหน้าใหม่ติดทีมมาถึง 10 คน

ชุดแรก กรกฎ พิพัฒน์นัดดา (โกล), ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, วาริส ชูทอง, วิลเลียม เวเดอร์เฌอ, พาตริก กุสตาฟส์สัน, โจนาธาร เข็มดี, อนันต์ ยอดสังวาลย์, อัครพงศ์ พุ่มวิเศษ โดย 3 คนหลัง แม้เคยอยู่ในทีม แต่ยังไม่เคยเล่น จากนั้นเรียกมาเสริมอีก 2 คน คคนะ คำยก กับ กรวิชญ์ ทะสา

“พายุยางิ” ทำให้เกมสำคัญ ที่จะมีโอกาสเจอ รัสเซีย ลอยไปกับสายลม และห่าฝน เหลือแค่เกมเดียวกับ เวียดนาม

11 คนแรก ในชุดเจอ ดาวทอง ของ คิมซังซิก ที่ มีดิงห์ สเตเดี้ยม นั้น อิชิอิ วางแผนในระบบ 4-4-2 ซึ่งก็ยังยึดโครงสร้างทีมเดิมไว้

ผู้รักษาประตู ปฏิวัติ คำไหม, เซ็นเตอร์ เอเลียส ดอเลาะ, โจนาธาร เข็มดี, แบ๊กซ้าย ศศลักษณ์ ไหประโคน, นิโคลัส มิคเกลสัน, กองกลาง วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, วิลเลียม เวเดอร์เฌอ, ริมเส้นซ้าย เอกนิษฐ์ ปัญญา, ขวา ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, กองหน้า กรวิชญ์ ทะสา, พาตริก กุสตาฟส์สัน

จาก 11 คนแรก มีถึง 4 คนที่ “เดบิวต์” คือ โจนาธาร เข็มดี, วิลเลียม เวเดอร์เฌอ, กรวิชญ์ ทะสา และ พาตริก กุสตาฟส์สัน

คลาสบอลไทย ดีกว่าเวียดนาม แต่เจอกันทีไรก็ไม่เคยง่าย โดยเฉพาะที่บ้านของดาวทอง เราบุกชนะครั้งสุดท้าย ตั้งแต่เมื่อ 9 ปีก่อน ในยุค “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง

เกมนี้ไทยเปิดหัวได้ดี หมากของ อิชิอิ เล่นเพรสซิ่งสูง ไล่กดดันเร็ว ซึ่งเวียดนาม ไม่ใช่บอลเทคนิคดี เลยโดนกดตลอด

แต่การเสียสมาธิ ทำให้ไทยเสียประตู ศศลักษณ์ ไหประโคน ทำเสียแฮนด์บอล แล้วมัวไปเถียง ขณะที่คนอื่นก็ดูหลุดโฟกัสไปด้วย ทำให้ เหงียนเตียนลินห์ สอดมายิงให้เวียดนามนำก่อน

ศศลักษณ์ แก้ตัว เรียกฟาวล์จากแถวๆ ที่เขาเสียแฮนด์บอลจนเสียประตู ก่อน วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เปิดให้ พาตริก กุสตาฟส์สัน โหม่งทำแอสซิสต์ ให้ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ก่อนที่ท้ายครึ่งแรก พาตริก มาทำผลงาน ลงมาพักบอลในแดนตัวเอง แล้วฝากบอลไปให้ นิโคลัส มิคเกลสัน ทางขวา แล้วกองหน้าจาก นารา คลับ ก็พุ่งขึ้นไปรับบอลยาว ยิงจังหวะแรกติดเซฟ ก่อนซ้ำเข้าไป

ครึ่งหลัง อิชิอิ เปลี่ยนแทคติกเล็กน้อย เป็น 4-3-3-1 โยก ศุภณัฏฐ์ ไปซ้าย แล้วสลับ เอกนิษฐ์ มาเล่นตัวรุก ส่วน กรวิชญ์ ออกมาขวา ก่อนที่จะส่ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว มาแทน กรวิชญ์

อัครพงษ์ พุ่มวิเศษ ได้ลงเล่นกับทีมชาติไทย ใน 45 นาทีหลัง รวมทั้งเพื่อนร่วมทีม ลำพูน วอริเออร์ อนันต์ ยอดสังวาลย์ ที่ได้ลงมานาทีที่ 84

เวียดนาม บุกได้ดีกว่า ทำเกมดีกว่า นั่นก็ทำให้ได้ทดสอบแนวรับ โจนาธาร เข็มดี ที่ถือว่าสอบผ่าน เอาอยู่ ก่อนจบเกม ไทยชนะ 2-1 บุกชนะ เวียดนาม ครั้งแรกใน 9 ปี

เป็นเกมที่ดีคนละครึ่ง ครึ่งแรกของเรา ครึ่งหลังของเขา ซึ่งแม้ผลแข่งขันจะสำคัญ แต่จะถือเอามาเป็นดัชนีชี้วัดอะไรมากไม่ได้ เพราะต่างฝ่ายต่างขาดตัวหลักหลายคน

สำหรับไทย เป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนผ่าน จาก 10 คนที่เรียกมาใหม่ ได้ลงไปแล้ว 6 คน (หรือจะบอกว่า 5 คนครึ่งก็ได้ เพราะ อนันต์ ได้เล่นแป๊บเดียว) เหลือ 4 คน ที่ติดทีมมา แล้วยังไม่ได้โอกาส คือ กรกฎ พิพัฒน์นัดดา, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, วาริส ชูทอง และ คคนะ คำยก

เสียดายที่ผิดแผน กับเกมแรกที่เจอ รัสเซีย ต้องยกเลิกไป ไม่อย่างนั้นโอกาสคงเปิดมากกว่านี้ กับการเจอ 2 ทีม ที่แตกต่างกัน แต่พอเหลือเกมเดียว นอกจากไม่ได้เทสต์การเล่นกับทีมใหญ่กว่า ยังเสียโอกาสให้นักเตะได้ลงสนามด้วย

คนที่เคยๆ ติดทีมชาติไทยอยู่แล้ว คงไม่ต้องอะไรมาก ส่วนหน้าใหม่ๆ จากเกมกับเวียดนาม ที่สอบผ่าน แน่นอนว่า พาตริก ที่ ยิง 1 จ่าย 1, โจนาธาร ที่ตัวใหญ่ ดุดัน ระดับอาเซียนสบายๆ อยู่แล้ว ขณะที่ วิลเลียม เวเดอร์เฌอ ก็ถือว่าโอเค มีสปีดบอล ในสไตล์แตกต่าง

กรวิชญ์ ยังไม่ดี, อัครพงษ์ ก็เช่นกัน ส่วน อนันต์ เวลาน้อยไป อย่าไปคิด

คิวต่อไปของทีมชาติไทย ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ที่ จ.สงขลา วันที่ 11 และ 14 ก.ย. 67 มี 4 ทีม ทีมชาติไทย อันดับ 101 ของโลก, ซีเรีย อันดับ 93 ของโลก, ทาจิกิสถาน อันดับ 103 ของโลก และ ฟิลิปปินส์ อันดับ 147 ของโลก

ระดับความสำคัญ ยกขึ้นมา เพราะเป็นทัวร์นาเมนต์ในบ้าน

ใจจริงๆ อิชิอิ อาจอยากลองของนักเตะใหม่อีก แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องเน้นมากขึ้น เพราะถ้าผลงานไม่ดีก็กดดันตัวเอง ไหนจะบอลอาเซียนคัพ ก็จะไม่ได้ตัวหลัก

แต่หากจะมองถึงอนาคต ก็น่าจัดดาวรุ่งมาปล่อยลงน้ำอีกสักที ไม่ว่ายังไงเวลาของการเปลี่ยนผ่านก็กำลังมาถึง ซึ่งมีกลุ่มของ สุภโชค สารชาติ, ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด, เอกนิษฐ์ ปัญญา, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, กฤษดา กาแมน ฯลฯ มายืนรอแล้ว

อย่างน้อยๆ ชุดที่ลงเล่นกับเวียดนามนี้ ลองให้เห็นอีกสักชุดเต็มๆ

ใครไปไม่ไหว หรือใครจะไปต่อ ก้าวขึ้นมาสู่ชุดสายเลือดใหม่ จะได้เห็นชัดขึ้น.

*** วุฒินล ***