เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่วัดไร่ขิง จ.นครปฐม สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) แม่กองธรรมสนามหลวง เป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาบุคลากรทางการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม-บาลี พร้อมทั้งกล่าวให้โอวาท ว่า ขอฝากให้พิจารณาประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1.ความสำคัญของความรู้ชัด รู้ตรง และรู้จริง การแผยแผ่พระพุทธศาสนาสนาต้องยึดมั่น ในความรู้ที่ถูกต้องและชัดเจน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการสื่อสารธรรมะ 2.การยอมรับความไม่รู้ ปัญหาใหญ่ในการเผยแผ่ คือ ผู้ที่ไม่รู้ตนเองว่าตนไม่รู้ หรือยึดมั่นในความเห็นผิด การรู้จักเรียนรู้และวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น 3.การศึกษาพระปริยัติธรรม บุคลากรควรศึกษาให้ถ่องแท้ทั้งแผนกธรรรม แผนกบาลี และแผนกสามัญ เพื่อเผยแผ่ได้ถูกต้องตามหลักธรรมและวิธีการที่บูรพาจารย์ได้วางไว้ 4.การยึดหลักการจากพระไตรปิฎกและคัมภีร์ ต้องยึดหลักจากพระไตรปิฎก คัมภีร์อรรถกถา ฎีกา และปกรณ์ต่างๆ เพื่อความถูกต้องและป้องกันการเกิดสัทธรรมปฏิรูป 5.การเผยแผ่ตามพระธรรมวินัย นักเผยแผ่ควรดำเนินงานเผยแผ่ตามพระธรรมวินัย และวิธีการที่ได้รับการถ่ายทอดจากพระบรมครูและบูรพาจารย์ 6.การไม่เผยแผ่ด้วยอัตโนมติ ห้ามใช้อัตโนมติส่วนตัวในการเผยแผ่ หรือทำตามกระแสแห่งลาภสักการะที่ไม่ยั่งยืน

สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวต่อไปว่า 7. การยุติปัญหาด้วยธรรม การยุติปัญหาทุกอย่างควรอ้างอิงตามลำดับขั้นตอนของการศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างเป็นระบบและถูกต้อง 8. การไม่เรียนลัดตัดตอน ห้ามการเรียนรู้หรือเผยแผ่ด้วยวิธีการที่เร่งรัด ไม่ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ถูกต้องและเป็นไปตามหลักธรรมะ 9. การเผยแผ่ตามหลักอนุปุพพิกถา ควรเผยแผ่ธรรมะตามลำดับขั้นตอนที่เหมาะสม ตรวจสอบพื้นฐานความรู้และอัธยาศัยของผู้ฟังก่อนเผยแผ่ 10. ความมุ่งมั่นและความมีกุศลเจตนา นักเผยแผ่ควรมุ่งมั่นในการธำรงรักษาพระสัทธรรมด้วยกุศลเจตนาที่บริสุทธิ์ เพื่อให้การเผยแผ่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและก่อเกิดผลในการปฏิบัติจริง ทั้งนี้ขอให้ตั้งปณิธานที่จะมีความรู้รอบรู้ลึกในพระพุทธธรรมให้จงได้ แล้วจงทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง เป็นการรักษาพระศาสนาในบริสุทธิ์บริบูรณ์ ขอให้ช่วยกันสอดส่อง แก้ไข ชี้แจง และกำกับดูแลให้เป็นไปตามระเบียบแบบแผน และเพื่อจะได้เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและทางสติปัญญาของสังคมไทย สมหน้าที่พุทธสาวกของสมเด็จพระบรมศาสดาสืบไป