ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันได้บั่นทอนกัดกร่อนความน่าเชื่อถือนานาประเทศที่มองเข้ามาประเทศไทย เรียกได้ว่า “เข้าขั้นวิกฤติ” ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ รวมทั้งคนไทยทุกคน จากงานวิจัย พบว่า แต่ละปีคนทำมาหากินนักธุรกิจถึง 1 ใน 3 ที่ติดต่อราชการต้องสูญเสียเงินให้กับการคอร์รัปชันสูงเกือบ 300,000 ล้านบาททีเดียว จึงจำเป็นที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันเร่งฟื้นฟูความน่าเชื่อถือของประเทศอย่างเร่งด่วน และจำเป็นจะต้องช่วยกันเอาชนะคอร์รัปชันให้ได้ เพราะจะส่งผลดีต่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจ ความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของสังคมไทย ล่าสุดภาคธุรกิจกว่า 200 องค์กร ได้รวมพลังวันต่อต้านคอร์รัปชัน ปี 67 จับมือกัน “ฮั้วไม่โกง” ร่วมกันต่อสู้คอร์รัปชันจนกว่าจะชนะ เปิดมิติใหม่ “ชวนคนไทยต้านโกง”

 “วิเชียร พงศธร” ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ขยายความว่า ปัญหาการคอร์รัปชัน จำเป็นจะต้องช่วยกันเอาชนะให้ได้ เพราะจะส่งผลดีต่อความยั่งยืนของภาคธุรกิจ ความยั่งยืนของระบบเศรษฐกิจ และความยั่งยืนของสังคมไทย จึงขอเชิญชวนทุกฝ่าย ทุกภาคส่วนมาฮั้วกันต้านโกง ต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ ถ้าการคอร์รัปชันไม่เคยหยุด การต่อต้านคอร์รัปชันก็หยุดไม่ได้เช่นกัน องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ชวนทุกภาคส่วน สร้างมิติใหม่ “ชวนคนไทยต้านโกง”

ทั้งนี้ “ภาคธุรกิจ” ต้องเร่งสร้างความร่วมมือกับคนในห่วงโซ่ได้แก่ องค์กรกำกับ คู่ค้า พนักงาน และลูกค้า รวมทั้งนักลงทุน ร่วมยกระดับธรรมาภิบาล หรือ G-Governance จาก G ที่ไม่ได้รับการใส่ใจ เป็น G ที่ยึดถือและปฏิบัติอย่างเข้มข้น ขณะที่ “ภาคประชาชน” ในฐานะผู้บริโภคสามารถสนับสนุน ส่งเสริม และต่อต้านภาคธุรกิจที่ยอมจำนนต่อการทุจริต มีพฤติกรรมสร้างภาพ หรือฟอกขาว

เปิด 3 มาตรการชวนคนไทยต้านโกง

ส่วน “ภาคการเมือง” ทุกพรรค ทุกฝ่าย ต้องร่วมกันผลักดันการจัดการปัญหานี้เป็นวาระเร่งด่วน โดยก่อนหน้านี้องค์กรฯ เคยเสนอต่อภาครัฐจัดตั้ง “วอร์รูมต่อต้านคอร์รัปชัน” เพื่อจัดการวิกฤตินี้แต่ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ดังนั้น เราต้องไม่รอ ต้องจับมือกันเพื่อเอาชนะคอร์รัปชันให้ได้ โดย 3 มาตรการที่อยากชวนคนไทยต้านโกง คือ1.ร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราเอง ดำเนินธุรกิจที่มีธรรมาภิบาลอย่างแท้จริง กำหนดให้การไม่ทุจริตคดโกงเป็นนโยบายที่สำคัญ มีบทลงโทษที่ชัดเจน ทำให้การต่อต้านคอร์รัปชันเป็นวัฒนธรรมองค์กรยึดถือตั้งแต่ผู้นำไปจนถึงพนักงาน

2.ร่วมมือกับเครือข่ายและพันธมิตร ขยายการต่อต้านคอร์รัปชันไปยังคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตรรอบข้างให้ครบในทุกห่วงโซ่

3.ร่วมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่ซื่อตรงโปร่งใส สนับสนุนและเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ที่มีสมาชิกกว่า 1,600 บริษัท ผนึกกำลังให้เป็นเครือข่ายของภาคธุรกิจที่ร่วมมือกันต่อต้านการคอร์รัปชันที่เข้มแข็งในทุกรูปแบบ เอกชนแข็งขันหยุดคอร์รัปชันเริ่มที่ตัวเอง

เกลียดโกงไม่จ่ายใต้โต๊ะก็โตได้

ด้าน “จรีพร จารุกรสกุล” ประธานกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มองประเด็นการดำเนินธุรกิจตามหลักการ ESG อย่างถูกต้องว่า ดับบลิวเอชเอฯ เริ่มดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสตั้งแต่วันแรกที่เริ่มดำเนินกิจการ เพราะโดยส่วนตัวเกลียดเรื่องคอร์รัปชันมาก และตั้งปณิธานตั้งแต่เด็กว่าจะไม่มีการจ่ายใต้โต๊ะ การดำเนินธุรกิจของดับบลิวเอชเอที่ผ่านมาเติบโตมาโดยตลอด ทั้งกิจการโลจิสติกส์ และพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ขนาดกว่าแสนตารางเมตรไม่เคยมีปัญหา เพราะยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล

“ที่พูดกันว่าถ้าไม่จ่ายใต้โต๊ะ ไม่โต เป็นเรื่องไม่จริง เราทำตามกฎหมาย และทำดีกว่ากฎหมาย ไม่เคยต้องจ่ายใต้โต๊ะ ธุรกิจก็เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ก็เห็นแล้วว่า บริษัทหุ้นปั่นก็ทยอยล้มไป แต่เราเติบโตสวนตลาดเพราะสิ่งที่เราทำมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าบริษัทไหนไม่มี Governance ก็ไม่รอด”

เลิกค่านิยมคนโกงคือคนเก่ง

ด้าน “ณรงค์เวทย์ วจนพานิช” กรรมการผู้จัดการ บมจ.ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ กล่าวว่า วันนี้อยากยํ้าว่าอย่าให้ค่านิยมว่า “คนโกง คือคนเก่ง” และเป็นที่ยกย่องเชิดชูในสังคม ซึ่งจะทำให้สังคมเห็นว่าการโกงเป็นเรื่องปกติ อย่าให้มีการตราหน้าว่า “คนไม่โกง คือ คนโง่” อย่าปล่อยให้การโกงเป็นธรรมชาติของสังคม ต้องเริ่มที่ตัวเอง องค์กร สำหรับบริษัท ควอลิตี้คอนสตรัคชั่นโปรดัคส์ พยายามปลูกฝังและถ่ายทอดเรื่องคุณธรรมให้กับพนักงาน แม้บางครั้งจะมีต้นทุนที่สูงกว่า แต่ยังจำเป็นต้องตั้งมั่นในเรื่องความ
โปร่งใส เป็นธรรม สร้างต้นทุนความดีให้เป็นแบบอย่างต่อสังคม

ขณะที่ “อติคุณ เผอิญโชค แมคโดนัลด์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารอีซี่ คาร์ กลุ่มบริษัทไทยรุ่ง กล่าวว่า เรื่องธรรมาภิบาล เป็นเรื่องที่คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญมากกว่าที่ผ่านมา เพราะจากผลสำรวจ พบว่า คนรุ่นใหม่สิ้นหวังมากขึ้น โดย 44% ของคนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก โดยมีสัดส่วนถึง 38% ที่ให้เหตุผลว่าเพราะไม่อยากให้ลูกเกิดมาในสังคมปัจจุบัน โจทย์สำคัญที่สุดในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน คือทำอย่างไรให้ทุกคนมีความหวัง ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องมือทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้คนเห็นการโกงอย่างโปร่งใสชัดเจนขึ้น และสามารถจดจำ ประมวลผล องค์กรควรจะมอบความหวังให้คนรุ่นใหม่ สามารถสร้างสิ่งที่แตกต่างได้ในอนาคต

แจก White Brand รางวัลธุรกิจโปร่งใส

“มานะ นิมิตมงคล” เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ระบุว่า อยากให้ภาคธุรกิจร่วมมือกันทำสิ่งที่ถูกต้อง คำว่า ESG ที่ถูกใช้กันในภาคธุรกิจ กำลังถูกตีความทางกฎหมายแบบ ทำให้สังคมข้องใจว่าคำว่า Governance มีจริงหรือไม่ ดังนั้นอยากให้ภาคธุรกิจมาร่วมกัน “ฮั้วกันต้านโกง” ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ตัวเอง ต้องช่วยกันต่อต้านคอร์รัปชันให้เป็นนโยบาย เป็นวัฒนธรรมองค์กรตั้งแต่ระดับผู้นำ พนักงาน ขยายความร่วมมือ สร้างเครือข่ายพันธมิตร และสุดท้ายต้องสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจให้สุจริต โปร่งใส

“การมี White Brand จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับภาคธุรกิจ ให้ประชาชนหันมาใส่ใจเรื่อง Governance ของภาคธุรกิจว่าทำได้จริงหรือไม่ ผ่านการโหวตของผู้บริโภค ถ้าทำได้สำเร็จ จะเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าธุรกิจสามารถเติบโตได้ถ้าดำเนินการอย่างโปร่งใส ซื่อสัตย์”.