นายเรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า ปัจจุบันความต้องการในตลาดเตรียมตั้งครรภ์มีบุตรยากเติบโตต่อเนื่อง จากคู่สมรสหลายคู่มีภาวะมีบุตรยากสูงขึ้น จากไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ความเครียด ความเร่งรีบ โภชนาการ การพักผ่อนรวมถึงการแต่งงานที่ล่าช้าและเลือกที่จะมีบุตรเมื่อมีความพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในวัยที่มีอายุมากเกิน 35 ปี และเป็นช่วงวัยที่มีภาวะเจริญพันธุ์ถดถอย 

ทั้งนี้ ส่งผลทำให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะมีบุตรยาก จึงทำให้คู่แต่งงานหลายๆ คู่ ที่มีความพร้อมที่จะมีบุตรหันมาให้ความสำคัญในการบำรุงเตรียมความพร้อมทางร่างกายก่อนมีบุตรทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายมากขึ้น และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง 10 – 15 % ต่อปี ขณะเดียวกันตลาดผู้มีบุตรยากชาวต่างชาติจะโตมากขึ้นในไทย แม้เทคโนโลยีรักษาผู้มีบุตรยากทั่วโลกทันกันหมดก็จริง แต่หมอไทยบริการดี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนให้ตลาดเตรียมตั้งครรภ์โตตามไปด้วย 

สำหรับบริษัทจึงมองว่าเป็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดดังกล่าว ที่ผ่านมาจึงทุ่มเทไปกับการค้นคว้าข้อมูลงานวิจัยด้านโภชนาการเสริมภาวะเจริญพันธุ์ มุ่งเน้นให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องการเจริญพันธุ์ และงานวิจัยที่ถูกต้องและทันสมัย คัดกรองและนำมาเผยแพร่ความรู้ให้กับผู้มีบุตรยาก ล่าสุด เปิดตัวเฟอร์ตี้รสชาไทย (Ferty Cha Thai Flavour) ที่สกัดคาเฟอีนออก เพื่อให้ผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ได้เพลิดเพลินกับการดื่มโปรตีนรสชาไทยที่ชื่นชอบโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของคาเฟอีนต่อการตั้งครรภ์ หลังจากที่ผ่านมาจำหน่ายสินค้ากลุ่มดังกล่าวไปแล้ว 3 รายการ ซึ่งได้การตอบรับดีมาก

นายเรืองศักดิ์ กล่าวว่า ตลาดบำรุงเตรียมตั้งครรภ์จะโตอีกมาก เพราะค่าหมอทำเด็กหลอดเเก้วราคาสูง ผู้ที่มีบุตรยากไม่อยากทั้งเสียเงิน และเสียใจ เสียเวลา จึงจะหันมาเพิ่มโอกาสสำเร็จ ด้วยการเตรียมตัวบำรุงร่างกายก่อนไปพบแพทย์ โดยหากประเมินภาพรวมตลาดโภชนาการและอาหารเสริมเตรียมตั้งครรภ์มีมูลค่าราว 300 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายขึ้นและคาดว่าจะโตได้อีก 10-15% ต่อปี โดยปัจจุบันเบบี้แอนด์มัม ถือส่วนแบ่งตลาด 70 % ที่ 204 ล้านบาท โดยเป็นสินค้า 4 กลุ่ม คือ โปรตีนเตรียมตั้งครรภ์ เครื่องดื่มสุขภาพิวิตามินเตรียมตั้งครรภ์ และอื่นๆ 

นางนัชชา ลอยชูศักดิ์ กรรมการบริหาร บริษัท เบบี้แอนด์มัม (ประเทศไทย) จำกัด ครูวิทยาศาสตร์ผู้ก่อตั้งเพจให้ความรู้เตรียมตั้งครรภ์ กล่าวว่า จากการศึกษางานวิจัยเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์พบว่าการบริโภคคาเฟอีนของคุณแม่ตั้งครรภ์ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์  โดยการบริโภคคาเฟอีนในปริมาณ 100 มก.ต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงในการแท้งบุตร 14% เพิ่มความเสี่ยงทารกเสียชีวิตในครรภ์ 19% เพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยลง 7% และยังเพิ่มความเสี่ยงที่ทำให้ทารกมีการโตช้าในครรภ์ 10%

ฉะนั้นผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ควรได้รับโปรตีนที่เพียงพอ 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เพราะในร่างกายมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักถึง 75 % ของน้ำหนักตัว โปรตีนเป็นสารอาหารที่สำคัญที่สุดในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงไปเซลล์สืบพันธุ์ เซลล์ไข่ ผนังมดลูก ซึ่งสอดคล้องกับสินค้าของบริษัท