ปกติแล้ว คนเราจะมีกลิ่นตัวบ้างเป็นครั้งคราว แต่ถ้าจู่ ๆ กลิ่นตัวเกิดเหม็นมากขึ้นอย่างกะทันหันโดยหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายแก้ปัญหาได้ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าร่างกายอาจกำลังมีปัญหาสุขภาพ ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางออกที่ถูกต้อง

เคนนี ชาน เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญของผู้จัดจำหน่ายยารายใหญ่ของอังกฤษชี้ว่า หากมีภาวะปากเหม็น, เท้าเหม็นหรือรักแร้เหม็นอย่างต่อเนื่อง แก้ไม่หาย นั่นคือร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่าสุขภาพของเรากำลังมีปัญหา

ชานกล่าวว่า คนเรามีกลิ่นตัวเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้ากลิ่นตัวเปลี่ยนแปลงไปอาจหมายถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ โดยเขาพูดถึงจุดต่าง ๆ ในร่างกายที่มักมีปัญหาเรื่องกลิ่นไว้หลายจุดด้วยกัน

อย่างแรกคือคนที่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเท้า ชานอธิบายว่าเป็นไปได้ว่ามีสาเหตุจากการล้างเท้าหรือทำความสะอาดเท้าไม่พอเพียง, สวมถุงเท้า รองเท้าคู่เดียวกันซ้ำ ๆ เป็นเวลานานเกินไป ส่วนคนที่เหงื่อออกมากที่เท้าก็มีส่วนทำให้มีเชื้อแบคทีเรียสะสมซึ่งจะทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็นได้

นอกจากนี้ยังเป็นเพราะมีเชื้อราที่เท้าแบบไม่รู้ตัว โดยเขาระบุว่าโรคน้ำกัดเท้าซึ่งจากเชื้อราเป็นโรคที่คนเป็นกันมากที่สุดและทำให้เท้ามีกลิ่นเหม็นรุนแรงได้

จุดสังเกตของโรคนี้ก็คือผื่นสีขาวหรือมีอาการคันที่ง่ามเท้า รักษาได้โดยยาฆ่าเชื้อรา 

ปัญหาอีกอย่างที่พบได้ทั่วไปก็คือมีกลิ่นปากรุนแรง เกิดจากมีแบคทีเรียสะสมในช่องปากเพราะขาดการรักษาความสะอาดของช่องปากที่ถูกต้อง หรือไม่ก็มาจากโรคเหงือกอักเสบ สังเกตได้ว่าจะมีเลือดออกเวลาแปรงฟัน, ใช้ไหมขัดฟันหรือเคี้ยวอาหารแข็ง ๆ รวมทั้งเหงือกมีอาการบวมแดง

นอกจากนี้ช่องปากแห้ง ไม่ค่อยมีน้ำลาย ก็มีส่วนทำให้มีกลิ่นปากเพราะน้ำลายจะเป็นตัวช่วยทำความสะอาดช่องปากโดยธรรมชาติ

แต่ที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือการมีกลิ่นปากเรื้อรังเนื่องจากป่วยเป็นโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน, โรคตับ, โรคไตและโรคลำไส้

ชานยังกล่าวถึงภาวะเหงื่อออกมากเกินไป เมื่อร่างกายขับเหงื่อออกมากผิดปกติบ่อย ๆ ทั้งที่ไม่ได้ออกแรงมากหรืออยู่ท่ามกลางอากาศร้อน มีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่มีอาการนี้อาจกำลังมีภาวะที่เรียกว่าภาวะหลั่งเหงื่อมากผิดปกติ (Hyperhidrosis)

ชานอธิบายว่าภาวะนี้มีสองขั้นด้วยกัน ขั้นแรกนั้นจะเป็นภาวะที่เหงื่อออกมากกว่าปกติโดยที่ไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย

ส่วนขั้นที่ 2 คือเป็นอาการข้างเคียงร่วมกับโรคอื่น เช่น โรคเบาหวาน, ภาวะติดเชื้อ, ต่อมไทรอยด์ผิดปกติหรือกำลังอยู่ในวัยหมดประจำเดือน

นอกจากนี้ ตัวยาบางอย่างก็ทำให้เกิดภาวะเหงื่อออกมากผิดปกติ เช่น ยาต้านอาการซึมเศร้า, ยาแก้ปวด

นอกจากกลิ่นตัวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคต่าง ๆ แล้ว ชานยังพูดถึงภาวะที่มีกลิ่นตัวแรงเนื่องจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น สาเหตุจากอาหาร โดยเฉพาะผู้ที่ชอบรับประทานกระเทียม, เครื่องเทศ รวมถึงสาเหตุเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่น เริ่มมีประจำเดือนหรือวัยหมดประจำเดือน

ชานชี้ว่าถ้าหากกลิ่นตัวไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันและหาสาเหตุไม่ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป แต่ถ้าจู่ ๆ กลิ่นตัวเปลี่ยนไป อาจหมายถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ เช่น คนที่มีกลิ่นตัวหวาน ๆ หรือมีกลิ่นเหมือนผลไม้ อาจกำลังมีภาวะกรดคีโตนในเลือดสูงซึ่งเป็นลักษณะของผู้ป่วยเบาหวาน แต่ถ้าหากมีกลิ่นตัวเหมือนแอมโมเนียหรือกลิ่นน้ำยาฟอกขาว อาจบ่งบอกว่าไตกำลังมีปัญหา ส่วนกลิ่นเหงื่อนที่เหมือนกลิ่นคาวปลาคือสัญลักษณ์ของการติดเชื้อแบคทีเรีย

ชานยังเตือนว่า ถ้าสังเกตพบว่าร่างกายมีภาวะหลั่งเหงื่อมากร่วมกับการมีกลิ่นตัว แสดงว่านอกจากมีภาวะหลั่งเหงื่อมากผิดปกติแล้ว ยังอาจจะมีปัญหาต่อมไทรอยด์ผิดปกติร่วมด้วย 

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES