เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามได้เดินทางมาที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ เพื่อนำสำนวนจำนวน 6,240 แผ่น (15 แฟ้ม) พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีเรือน้ำมันเถื่อนของกลางกว่า 3 แสนลิตรหายบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ พิจารณามีคำสั่งทางคดีต่อไป
สำหรับคดีนี้เป็นสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 19/2567 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ที่ พันตำรวจโท กอบชัย โตอ่อน กับพวก รวม 2 คน กล่าวหา นายสุนธร เขียวสุวรรณ กับพวกรวม 21 คน กระทำผิด
โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นควร สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำควานผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน, มีและใช้เครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, กระทำการในเรือในตำแหน่งผู้ควบคุมเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ หรือทำการในเรือในขณะที่ใบประกาศนียบัตรสิ้นอายุ และใช้เรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
มีความเห็นควร สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 และ 11 ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐานหรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่นส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิด และได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน, ร่วมกันฟอกเงิน, กระทำการในเรือในตำแหน่งผู้ควบคุมเรือโดยมิได้รับประกาศนียบัตรรับรองความรู้ความสามารถ หรือทำการในเรือในขณะที่ใบประกาศนียบัตรสิ้นอายุ และใช้เรือโดยไม่ได้รับอนุญาต
มีความเห็นควร สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 2, 3, 4, 5, 6, 12, 13, 14 ในความผิดฐานร่วมกัน ลักทรัพย์ในกลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
มีความเห็นควร สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 15 ในความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึดรักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษรับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 16, 17, 18,19 ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดฐานเพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, เป็นอั้งยี่, เป็นซ่องโจร, สมคบตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้สมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน
และยังสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 19 ในความผิดฐาน เป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อขายให้เช่า หรือให้ยืมบัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
มีความเห็นควร สั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 20, 21 ในความผิดฐาน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้องหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด
และมีความเห็นควร สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 20 และ 21ในความผิดฐาน ร่วมกันเป็นผู้ใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐาน ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สินหรือเอกสารใดๆ อันเจ้าพนักงานได้ยึด รักษาไว้ หรือสั่งให้ส่งเพื่อเป็นพยานหลักฐาน หรือเพื่อบังคับการให้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ว่าเจ้าพนักงานจะรักษาทรัพย์หรือเอกสารนั้นไว้เอง หรือสั่งให้ผู้นั้นหรือผู้อื่น ส่งหรือรักษาไว้ก็ตาม และร่วมกันเป็นผู้ใช้ผู้อื่นให้กระทำความผิดฐาน เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
โดยภายหลังรับสำนวนได้มีคำสั่งตั้งคณะทำงานเป็นพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 2 เพื่อพิจารณาสำนวน และนัดฟังคำสั่งครั้งแรกในวันที่ 10 ก.ย.นี้