สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 9 ก.ย. ว่า นางแซลลี แมปสโตน ประธานองค์กรยูนิเวอร์ซิตีส์ ยูเค หรือ “ยูยูเค” ซึ่งเป็นตัวแทนของสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา 141 แห่งของสหราชอาณาจักร กล่าวว่า มหาวิทยาลัยทุกแห่งรู้สึกถึง “วิกฤติทางการเงิน” นับตั้งแต่รัฐบาลลอนดอนประกาศใช้ข้อจำกัดข้างต้น เมื่อปีที่แล้ว

ตามรายงานวิจัยของสภาสามัญ รายได้รวมของภาคส่วนการศึกษาระดับอุดมศึกษาของสหราชอาณาจักร ในปี 2565-2566 อยู่ที่มากกว่า 50,000 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 2.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าเล่าเรียนและทุนสนับสนุน

โดยปกติแล้ว นักศึกษาต่างชาติจะจ่ายค่าเล่าเรียนมากกว่านักศึกษาชาวสหราชอาณาจักร และกลายเป็นแหล่งรายได้สำหรับสถาบันการศึกษาหลายแห่ง แต่รัฐบาลลอนดอนชุดก่อนหน้าของอดีตนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ออกข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่านักเรียนต่างชาติ โดยห้ามไม่ให้นักศึกษาพาสมาชิกครอบครัวเข้ามายังสหราชอาณาจักร ตามส่วนหนึ่งของการควบคุมการอพยพเข้าประเทศ ซึ่งอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อนึ่ง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้รับคำเตือนมานานหลายเดือน เกี่ยวกับผลกระทบต่อการเงินของพวกเขา โดยมีความกังวลว่า การขาดแคลนรายได้อาจทำให้มหาวิทยาลัยต้องปิดบางหลักสูตร หรือตกที่นั่งลำบาก

ทั้งนี้ แมปสโตนกล่าวในการประชุมของยูยูเค ที่เมืองเรดดิง ทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ว่าการขาดดุลของภาคส่วนการศึกษาระดับอุดมศึกษาในปัจจุบัน อยู่ที่ 1,700 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 75,000 ล้านบาท) สำหรับการเรียนการสอน และ 5,000 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง (ราว 222,000 ล้านบาท) สำหรับการวิจัย พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลลอนดอน “ลงทุนและสนับสนุน” เพื่อรักษาการเรียนการสอน และการวิจัยระดับโลกของสหราชอาณาจักร.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES