เมื่อวันที่ 6 ก.ย.เดอะ มิลเลอร์ (The Mirror) ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับเรื่องราวของชายหนุ่มวัย 65 ปี รายหนึ่งที่ต้องถูกตัดอวัยวะเพศของตัวเองทิ้ง เนื่องจากต่อมลูกหมากโต เนื้อเยื่อตาย จากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

โดยชายคนนี้ไปโรงพยาบาลเนื่องจากเป็นไข้สูง  39 เซลเซียส และมีเสียงกรุบกรอบ “มาก” ในกระดูกหัวหน่าว นอกจากนี้ เขายังมีสารคัดหลั่ง “เป็นหนอง สีเขียว และมีกลิ่นเหม็น” จำนวนมาก เล็ดลอดออกมาจากท่อปัสสาวะและผิวหนังของท่ออัณฑะ ถุงอัณฑะ และทวารหนัก

แพทย์พบว่าผู้ป่วยรายนี้มีภาวะต่อมลูกหมากโตและมีฝีหลายจุด จึงให้การถ่ายเลือด ให้ยาปฏิชีวนะ และอินซูลิน นอกเหนือจากยาปฏิชีวนะที่จ่ายให้กับชายรายนี้หลังจากที่เขาใส่สายสวนผ่านท่อปัสสาวะหนึ่งสัปดาห์ก่อนการนัดตรวจครั้งที่ 2

แต่เมื่อเขาเดินทางไปโรงพยาบาลครั้งที่สอง ชายคนนั้นต้องช็อก เพราะหมอได้แจ้งว่า เขาต้องตัดอวัยวะเพศทิ้ง เนื่องจาก เนื้อเยื่อได้ตายเน่าและได้กลายเป็นสีดำแล้ว ซึ่งส่งผลให้เกิด ภาวะเนื้อตายเน่าทั้งหมดของอวัยวะเพศ

ตามที่การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์แสดงให้เห็น การดื่มสุราในทางที่ผิดอาจทำให้เกิดเนื้อตายเน่าและปัสสาวะคั่งอย่างรุนแรง

การเกิดเนื้อตายเน่าจากภาวะขาดเลือดเฉพาะที่บนองคชาตเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยากมากเนื่องจากอวัยวะนี้มีเลือดมาเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์ และมีอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิตสูงเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

ในกรณีนี้ การเกิดเนื้อตายเน่าจากภาวะขาดเลือดขององคชาตเกิดจากปัจจัยหลายประการร่วมกัน ได้แก่ เนื้อตายเน่า Fournier’s gangrene ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนจากการใส่สายสวนปัสสาวะ โรคเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้ และโรคหลอดเลือดแดงส่วนปลาย มีการตัดองคชาตทั้งหมดออกเนื่องจากไม่มีเนื้อเยื่อที่แข็งแรงพอสำหรับการตัดองคชาตบางส่วนหรือการสร้างใหม่

ผู้ป่วยได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดเกี่ยวกับการผ่าตัด ผลที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และการใส่สายสวนปัสสาวะเหนือหัวหน่าว นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำถึงผลกระทบทางจิตใจของการผ่าตัด ผู้ป่วยเข้าใจข้อมูลที่ได้รับอย่างครบถ้วนและยินยอมให้ทำการผ่าตัดในที่สุด

ข้อมูลจาก https://www.mirror.co.uk/news/health/man-forced-penis-amputated-after-33608508