เรียกได้ว่าจบดราม่าสักที สำหรับเรื่องราวของนักร้องนักแสดงสาวชื่อดัง “น้ำหวาน พิมรา” หรือ “น้ำหวาน ซาซ่า” ที่ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้เจอเธอในงาน “โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ปี 2025 ชูต้นแบบ Transformational Leadership School” จึงสอบถามอัปเดตชีวิตส่วนตัวพร้อมทั้งสถานะความรักในตอนนี้ ซึ่งสาวน้ำหวานก็รับตรงๆ กับพี่ๆ สื่อมวลชนว่ามีคนคุยแล้ว โดยเธอได้เผยว่า

“ในเรื่องของความรักเหรอ (หัวเราะ) เอาจริงๆ ก็มีคนคุย เพียงแต่ว่าถ้าหวานบอกไม่มีเลยมันก็ดูโกหกใช่ไหม ก็ตั้งแต่โสดมาหวานก็มีคนเข้ามาให้เราได้ศึกษามากหน้าหลายตาแต่ในปัจจุบันก็มีคนคุย แต่ต้องการจะเป็นโสดครั้งสุดท้ายแล้ว ก็เลยเดี๋ยวรอให้มันชัวร์ๆ ก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยพามารู้จัก ซึ่งคนที่คุยในวงการไม่มีเลย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนนอกวงการ ซึ่งก็ไม่ใช่นักธุรกิจด้วย แต่เป็นสายอาชีพอื่น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพื่อนแนะนำ รู้จักกันตามโซเชียลก็มี แต่หวานไม่ได้บอกว่าคุยคนเดียวนะ (หัวเราะ) ล้อเล่น เราก็มีทำความรู้จักเพราะทุกคนก็คือเป็นสเตตัสในแบบเพื่อนหมด หวานเป็นคนมีแฟนมาน้อยซึ่งมันเป็นจุดที่เรามองหาคนแบบไหน เราต้องการคนแบบไหน เพราะฉะนั้นใครที่คุยแล้วไม่ใช่ เราเปลี่ยนเป็นมิตรภาพต่อกัน ทุกวันนี้ก็คุยกันอยู่บ้างกับคนที่ไม่ได้สานต่อ ก็ยังเป็นมิตรภาพต่อกันอยู่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้ามันจะพัฒนาหรือมันจะจบยังไง คือเรายังไม่รู้ คืออย่างชีวิตของหวานอย่างที่รู้ๆ กัน มันก็จะมีปัญหาอยู่เรื่อยๆ เป็นระยะ แล้วแต่ว่า สมมุติช่วงนั้นใครอยู่แล้วเขาดูแลใจเราได้ดีแค่ไหนในช่วงนั้น อย่างคนล่าสุดก็ถือว่าฮีลใจได้ดี ถ้าหันไปมีคนทำให้เรามีรอยยิ้มทำให้เรายิ้มได้มันก็เป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว

ถ้าถามว่าใช่คนที่หมอดูบอกจะเจอเมษาไหม ไม่ใช่เลย หวานมองหาคนหลังเมษาอยู่ แต่คือมันยังไม่มีใครเข้ามาใหม่หลังเมษา ส่วนใหญ่มากันไปก่อนแล้ว อย่างคนนี้ก็มาก่อน ถ้าถามว่าต้องการคนแบบไหน จริงๆ หลายคนคิดว่าต้องเอาคนที่แม่เลือก ต้องเอาคนที่เข้ากับแม่ได้ คือไม่ใช่นะ เพราะที่ผ่านมาหวานตัดสินใจเลือกแฟนด้วยตัวเองมาตลอด คบใครก็ใช้ใจตัดสินนำมาตลอด ขอแค่เป็นเพื่อนที่ดี พี่ที่ดี เป็นในทุกสเตตัสที่ดีแต่หวานเน้นในความเป็นเพื่อนที่ดี เขาต้องเป็นคนที่มีมายด์เซตที่ดีแล้วคนที่ใจกว้างด้วย ซึ่งคนนี้ก็ตอบโจทย์กับสเตตัสที่ตั้งไว้ประมาณ 50-60% แล้ว ส่วนใหญ่เขาก็จะฮีลใจเรา อย่างเรื่องดราม่าที่เจอ เขาก็รู้ว่าเราเจอรถทัวร์ลงหลายรอบแล้ว เขาก็เข้าใจ เขาก็ถามเราว่าเรารู้สึกยังไง เราเป็นยังไง มันก็เรื่องของความรู้สึกที่เขาก็ห่วงใย ส่วนคนนี้จะมีโอกาสพัฒนาไหม ต้องรอ รอก่อน เพราะว่าถ้าบอกว่ามี เดี๋ยวอีกสองเดือนมาคุยกันใหม่บอกไม่มี เดี๋ยวพี่จะเขินน้องๆ ก็เลยเดี๋ยวรอทีเดียว เรื่องเขาเราก็มีเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง เพื่อนก็จะสแกน เพราะเพื่อนรู้ว่าถ้าเอาซีเรียสก็คือ เราผ่านประสบการณ์มาเยอะ เราผ่านเรื่องราวต่างๆ มา เพราะฉะนั้น คนเป็นเพื่อนก็ไม่อยากให้เราเสียใจ ก็อาจจะระวัง ซึ่งเพื่อนมีอิทธิพลมากกว่าแม่อีก นี่คือเรื่องจริง คือเพื่อนก็จะแบบสกรีนคอยดูให้”