เมื่อวันที่ 6 ก.ย. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมตัว น.ส.พรวีนัส หรือ “โมริ งิ้วงาม” อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดี “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม” โดยจับกุมตัวได้ที่ปากซอยห้องเช่า ต.ในเมือง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.ธีรเดช ได้รับการร้องเรียนและขอความช่วยเหลือจากหญิงผู้เสียหาย และทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการซึ่งถูกออกหมายจับเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่เมื่อช่วงต้นเดือน มี.ค. 67 หญิงผู้เสียหายถูกขบวนการเหล่านี้แอบอ้างแพลตฟอร์มลาซาด้า และยูนิเซฟ หลอกให้โอนเงินทำภารกิจหวังจะได้กำไรสูง แต่เมื่อโอนเงินไปกลับถอนไม่ได้ จากนั้นมิจฉาชีพออกอุบายให้ถ่ายคลิปเปลือยกาย แลกกับการถอนเงินที่ถูกหลอกโอนไปกว่า 2,800,000 บาท เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าร้องทุกข์ตำรวจจนมีการออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการก่อเหตุ 5 ราย ซึ่งขณะนั้นสืบนครบาลจับได้แล้ว 4 ราย ยังคงเหลือผู้ต้องหาบัญชีม้าซึ่งยังหลบหนีอีก 1 ราย ก่อนจะมาจับกุมตัวได้ล่าสุด
สอบสวน น.ส.พรวีนัส ให้การรับสารภาพว่า ช่วง มี.ค. 67 ได้มีแฟนของรุ่นพี่เป็นผู้หญิงที่สนิทกันชักชวนไปทำงานชงเหล้าตามสถานบันเทิง ก่อนจะเสนอให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารให้โดยบอกว่าจะนำบัญชีธนาคารไปใช้รองรับเงินที่ได้จากการติดต่อกับลูกค้าโดยไม่ได้บอกว่าเป็นธุรกิจอะไร ตนจึงยินยอมไปเปิดให้ 7 บัญชีธนาคาร พร้อมทั้งนำสมุดบัญชี เบอร์โทรศัพท์ และสแกนใบหน้าให้ เมื่อทำเสร็จทุกขั้นตอนแฟนรุ่นพี่ก็ได้ให้เงินมา 10,000 บาท หลังจากนั้นแฟนรุ่นพี่ก็ชวนไปทำงานที่ปอยเปตแต่ตนปฏิเสธ และไม่ได้เจอกันอีกเลย
จากการตรวจสอบพบประวัติ น.ส.พรวีนัส มีหมายจับติดตัวอีก 1 หมายจับคดี “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตนฯ” ท้องที่ สภ.เมืองลำปาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ดำเนินการประสานพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทราบเพื่อดำเนินการอายัดตัวต่อไป เบื้องต้นจึงถูกนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.2 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ฝากเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกทำภารกิจต่างๆ โดยจะให้โอนเงินค่าดำเนินการ หรือลงทะเบียน สุดท้ายจะบอกว่าเราทำผิดกฎ ไม่สามารถถอนได้ ต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อปลดล็อก แต่สุดท้ายก็จะอ้างว่าเราทำผิดกฎอีกจนเงินที่โอนไปมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่คิดจะเปิดบัญชีธนาคาร หรือขายบัญชีธนาคารให้ผู้อื่น โดยได้ค่าจ้างตอบแทน ขอให้ท่านอย่าได้เห็นแก่เงินเพียงไม่กี่บาท แต่ต้องแลกกับการติดคุก เจ้าของบัญชีม้า หรือเบอร์ม้า ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566