สภาผ่านฉลุยงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ถือว่า รัฐบาลได้เสบียงเต็มลำ วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพื่อนำไปใช้บริหารจัดการแผ่นดิน พร้อมเข้าเฝ้าถวายสัตย์ ในช่วงเย็นวันที่ 6 ก.ย. และก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) “แพทองธาร 1” นัดพิเศษทันที ในวันที่ 7 ก.ย.นี้  ก่อนที่จะแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา วันที่ 12-13 ก.ย.นี้ จากนั้นก็ถึงเวลารัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” น..แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี  เดินเครื่องได้เต็มสูบ

ที่รอช้าไม่ได้ คือการ ต่อยอดงานนโยบายรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน  ลุยนโนบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะหัวใจหลักที่ชาวบ้านรอคอย หลังเจอโรคเลื่อนความไม่ชัดเจน  ในโครงการ แจกเงินหมื่น “ดิจิทัล วอลเล็ต” ล็อตแรก ให้กลับกลุ่มเปราะบาง ประมาณ 14-15 ล้านคน  โดยแจกเป็นเงินสดก่อน วันที่ 30 ก.ย.นี้ หวังกู้หน้ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย เป็นผลงานแรก  พิสูจน์ ฝีมือ “ลูกสาวนายใหญ่” ทักษิณ ชินวัตร  ตามสโลแกน “ทักษิณคิด  นายกฯ อิงค์ทำ”

ภายใต้ความกดดันที่เหล่า “นักร้อง ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น” ที่รุมจองกฐินถล่ม ดาหน้าร้อง  อาทิ  นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นักร้องขาประจำที่ ล่าสุดไปร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใน 2 เรื่องหลัก คือการปล่อยให้ “ทักษิณ” เข้ามาครอบครองได้อย่างไรในฐานะนายกรัฐมนตรี และข้อสังเกตจากการลาออกจาก กรรมการบริษัท 20 แห่ง โดยมีการลาออกจากกรรมการ 14 บริษัท ซึ่งตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด ภายในวันเดียว  ซึ่งแว่วๆ ว่ามีกระแสข่าวใบสั่งจาก “ลุงในป่า” ที่ตั้งเป้าโค่นรัฐบาล “นายกฯ อิ๊งค์” จบใน 6 เดือน

ขณะที่ฝ่ายค้านก็เดินเกมในสภา จ้องหาจุดอ่อนในการแถลงนโยบายในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้  โดย “.ไหม” น..ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ  หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาชน ระบุว่า “เตรียมอภิปรายโครงการดิจิตอล วอลเล็ต และโครงการเรือธงทั้งหมดที่เคยได้เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลเศรษฐา รวมทั้งบางโครงการฯที่เกิดขึ้นใหม่ จากการแสดงวิสัยทัศน์ของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง วิสัยทัศน์เป็นนโยบายในรัฐบาลนี้จึงต้องติดตามดู เพราะมีการเก็งข้อสอบไปไว้ล่วงหน้าแล้ว

เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่า วันนี้ โครงการดิจิทัล วอลเล็ต มีการเปลี่ยนเงื่อนไขไปมา ล่าสุดทำท่าจะจ่ายเป็นเงินสดทั้งกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มที่จะต้องได้เงินหลัง วันที่ 1 ก.ย.นี้ จะเปิดช่องให้รัฐบาลโดยสอยโดนถล่มทั้งจากฝ่ายค้านและกระบวนการทางกฎหมายหรือไม่ เพราะถ้าแจกเงินสดทั้งหมดจะไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่หวังสร้าง “พายุหมุนเศรษฐกิจในชุมชน”  เพราะบางส่วนอาจเก็บหรือบางส่วนอาจนำไปชำระหนี้สินส่วนตัว ไม่ได้เกิดการซื้อ- ขายสินค้า ที่จะก่อให้เกิดการหมุนเวียนเงินในระบบเศรษฐกิจตามเป้าของโครงการฯ

มรสุมรุมกระหน่ำ แค่เริ่มคิกออฟก็ดูจะสะดุดขาตัวเองแล้ว เสี่ยงไปทุกจุดที่จะถูกเล่นงาน ทั้งปมดิจิทัล วอลเล็ต ปมจริยธรรมทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และ 11 รัฐมนตรีที่มีกระแสข่าวว่ามีความมีชนักปักหลัง เสี่ยงโดยขุดคุ้ยปมจริยธรรม ซ้ำรอย พิชิต ชื่นบาน ที่ทำรัฐบาลเศรษฐา ล่มไปก่อนหน้านี้

ทั้งหมดนี้จึงเป็นประเด็นที่ท้าทายฝีมือของ “นายกฯ อิ๊งค์” โดยเฉพาะการแก้ปัญหาปากท้องความเดือดร้อนของประชาชน ที่จะเป็นเกราะกำบังให้รัฐบาล ต้องเร่งสร้างผลงานเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง  และควบคุมจุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นหัวเชื้อที่ทำให้รัฐบาลอายุสั้น ตามที่หลายฝ่ายปรามาสไว้.