สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 5 ก.ย. ว่า จำนวนผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรคทั่วโลก เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อปี 2566 โดยองค์การอนามัยโลก เรียกร้องให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการระบาด

จำนวนผู้เสียชีวิตจากอหิวาตกโรค พุ่งขึ้นถึงร้อยละ 71 เมื่อเทียบกับปี 2565 ขณะที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ดับเบิลยูเอชโอระบุว่า อัตราส่วนดังกล่าว เท่ากับอหิวาตกโรคคร่าชีวิตผู้คนไปถึง 4,000 ราย เมื่อปีที่แล้ว

แม้เป็นโรคที่ป้องกันได้และรักษาได้ง่าย แต่ “ความขัดแย้ง, การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, น้ำและสุขอนามัยที่ไม่ดี คือปัจจัยที่ทำให้อหิวาตกโรคกลับมาระบาดมากขึ้น” นพ.เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอ กล่าว

ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากอหิวาตกโรคมากที่สุด ได้แก่ แอฟริกา ซึ่งมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 125 ขณะที่ตะวันออกกลางและเอเชียมีผู้ป่วยลดลงร้อยละ 32

ในปีนี้ มีรายงานผู้ป่วยมากกว่า 342,000 คน และผู้เสียชีวิตแล้ว 2,400 ราย และพบการระบาดอย่างต่อเนื่องใน 22 ประเทศ รวมไปถึงซูดาน ซึ่งได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง

นพ.ฟิลิปเป บาร์บอซา หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้านการระบาดอหิวาตกโรคของดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า ตัวเลขดังกล่าว อาจต่ำกว่าความเป็นจริงมาก พร้อมยกตัวอย่างการคาดการณ์ว่า อาจมีผู้ป่วยโรคอหิวาตกโรคประมาณ 2 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิต 100,000 รายต่อปี

นพ.เทดรอส เรียกร้องให้เร่งผลิตวัคซีนอหิวาตกโรคเพิ่มขึ้น หลังเมื่อปีที่แล้ว มีการผลิตวัคซีนประมาณ 36 ล้านโด๊ส ซึ่งเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนทั้งหมดในปี 2565

มากไปกว่านั้น ยังคงมีเพียงบริษัทเดียวบนโลกที่ผลิตวัคซีป้องกันอหิวาตกโรค ได้แก่ อียูไบโอโลจิกส์ ของเกาหลีใต้ ดับเบิลยูเอชโอจึงเรียกร้องให้บริษัทแห่งอื่นร่วมผลิตด้วย “แม้วัคซีนจะเป็นแนวทางป้องกันที่สำคัญ แต่การดื่มน้ำสะอาด ถูกสุขอนามัย และรักษาความสะอาด ก็ถือเป็นทางออกในระยะยาวเพื่อยุติการระบาด” นพ.เทดรอส ย้ำ.

เครดิตภาพ : AFP