เมื่อวันที่ 4 ก.ย. พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.กู้เกียรติ วงษ์พันธ์ ผกก.2 บก.สอท.5 จับกุมตัวนายไกรวิชญ์ อายุ 32 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3816/2567 ลงวันที่ 15 ส.ค. 2567 จับกุมที่บริเวณบ้านเลขที่ 17 ซอยในสวน ถนนหน้าสถานีรถไฟ ต.นาสาร อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความพนักงานสอบสวนผ่านระบบแจ้งความออนไลน์ มีคนร้ายหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ติดต่อเรื่องการทำประกันมิเตอร์ โดยแจ้งผู้เสียหายว่าสนใจจะรับเงินค่าประกันมิเตอร์รอบที่ 2 หรือไม่ ผู้เสียหายสนใจ คนร้ายขอติดต่อเพิ่มเพื่อนมาทางไลน์ ซึ่งไลน์ผู้เสียหายสามารถเพิ่มเพื่อนได้ทางหมายเลขโทรศัพท์ ต่อมาคนร้ายใช้แอปพลิเคชันชื่อ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มีรูปสัญลักษณ์ PEA เป็นรูปโปรไฟล์ ทักข้อความมาที่แอปพลิเคชันไลน์ผู้เสียหายชื่อ แล้วต่อมาคนร้ายวางสาย แล้วโทรฯ มาหาผู้เสียหายทางแอปพลิเคชันไลน์ คนร้ายได้ส่งลิงก์ทางไลน์ให้ดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชันการไฟฟ้า โดยถือสายรอแนะนำการติดตั้ง แล้วให้เข้าไปที่แอปพลิเคชันธนาคารออมสินในโทรศัพท์มือมือ แล้วให้ใส่รหัสเข้าไปที่หน้าแรกของธนาคารค้างหน้าจอไว้ แล้วให้พักหน้าจอ และสลับไปยังแอปพลิเคชันที่คนร้ายให้ดาวโหลด ต่อมาคนร้ายได้วางสาย และผู้เสียหายได้เข้าไปตรวจสอบเงินในบัญชี จึงทราบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีได้มีการโอนเงินไปยังธนาคารยูโอบียอดเงิน 3922.02 บาท และคนร้ายได้ลบข้อความลิงก์ในแอปพลิเคชันไลน์ ที่คนร้ายส่งมาให้ติดตั้ง จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงให้ติดตั้งแอปดูดเงิน จึงแจ้งความเพื่อติดตามจับกุมคนร้าย
จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า มีการโอนเงินจากบัญชีอื่นๆ ที่ถูกหลอกลวงในลักษณะเดียวกันอีกหลายราย ได้มีการโอนเงินไปยังบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ซึ่งลักษณะการเคลื่อนไหวทางบัญชีมีพิรุธคือ มีการโอนเงินเข้า-ออกในบัญชีค่อนข้างมากในแต่ละวันเป็นจำนวนหลายครั้งตลอด 24 ชั่วโมง พบว่า เงินที่ได้โอนเข้าไปยังบัญชีดังกล่าว จะถูกโอนต่อไปยังบัญชีอื่นโดยทันที ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวทางบัญชีที่มีลักษณะเป็นการยักย้ายถ่ายเทเงินอย่างมีพิรุธ รับแจ้งจากสายลับว่านายไกรวิชญ์ จะเดินทางมาบริเวณหน้าสถานีรถไฟ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเฝ้าติดตามจับกุมตัว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจจึงแจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นไม่ได้มีไว้สำหรับตน, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบและเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นการกระทำเกี่ยวกับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นใดแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป