สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ว่า ผลสำรวจความคิดเห็นกลุ่มตัวอย่าง 1,893 คน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งชาวอเมริกัน และคาดว่าจะออกไปใช้สิทธิในวันที่ 5 พ.ย. จัดทำโดยสำนักวิจัยราสมุสเซน เมื่อวันที่ 22 ส.ค. และระหว่างวันที่ 25-28 ส.ค ที่ผ่านมา ปรากฏว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีและแคนดิเดตพรรครีพับลิกัน มีคะแนนนิยมนำนางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีและตัวแทนพรรคเดโมแครต 48% ต่อ 46%
อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างนั้นลดลง เมื่อเทียบกับการสำรวจเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านั้นของราสมุสเซน ซึ่งทรัมป์มีคะแนนนิยมนำเหนือแฮร์ริส 49% ต่อ 46% และผลสำรวจรายวันของราสมุสเซน จากกลุ่มตัวอย่าง 380 คน เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำเหนือทรัมป์ 47% ต่อ 46%
ขณะที่ผลการสำรวจความคิดเห็นซึ่งจัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ ดับเบิลยูดีไอวี/ดีทรอยต์ นิวส์ และบริษัท เกลนการิฟฟ์ กรุ๊ป รวบรวมข้อมูลระหว่างวันที่ 26-29 ส.ค. ที่ผ่านมา จากกลุ่มตัวอย่างชาวรัฐมิชิแกน 600 คน ซึ่งเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง และคาดว่าจะออกไปใช้สิทธิในวันที่ 5 พ.ย. พบว่า ทรัมป์มีคะแนนนิยมนำเหนือแฮร์ริส 44.7% ต่อ 43.5% โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มองว่า ทรัมป์จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความมั่นคงได้ดีกว่า แต่มองว่า แฮร์ริส “เชื่อถือได้มากกว่า”
ทั้งนี้ รัฐมิชิแกนเป็นหนึ่งในสวิงสเตตของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 16 เสียง ซึ่งทรัมป์ชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 แต่พ่ายแพ้ให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2563.
เครดิตภาพ : AFP