วันที่ 3 ก.ย. นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมาตรการป้องกันและปราบปรามธุรกิจขายสินค้าจากต่างประเทศที่ผิดกฎหมาย ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีข้อเสนอ 5 มาตรการ 63 แผนปฏิบัติการ ดังนี้

มาตรการที่ 1 ให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้ระเบียบและกฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเพิ่มการตรวจเข้มสินค้า ณ ด่านศุลกากร รวมถึงเพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า เพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าให้เป็นไปตามมาตรฐานของไทย และเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบผู้ประกอบการ หรือผู้ให้บริการให้ปฏิบัติตามกฎหมายไทย

มาตรการที่ 2 ปรับปรุงแก้ไขกฎระเบียบให้สอดคล้องกับการค้าในอนาคต โดยกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนนิติบุคคลและมีสำนักงานในไทย เพื่อให้ภาครัฐสามารถกำกับดูแลได้อย่างใกล้ชิด

มาตรการที่ 3 เรื่องภาษี ปรับปรุงประมวลกฎหมายรัษฎากร สำหรับผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ และแพลตฟอร์มซื้อขายสินค้าออนไลน์ที่จำหน่ายสินค้าในไทย จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร พร้อมมีการจัดอบรมให้ความรู้เชิงเทคนิคกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ

รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับกระบวนการยื่นคำขอและไต่สวน ในการใช้มาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด หลบเลี่ยงการตอบโต้การทุ่มตลาด และการอุดหนุนมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยให้สามารถร้องเรียนเข้ามาได้

มาตรการที่ 4 มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทย โดยใช้เทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ในการผลิต เพื่อขยายการส่งออกสินค้าไทยผ่านอีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันได้ในยุคการค้าโลกใหม่

และมาตรการที่ 5 การสร้างหรือต่อยอดความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าให้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจ เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับและติดตามการนำเข้าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ ละเมิดลิขสิทธิ์ ตลอดจนการดำเนินธุรกิจผิดกฎหมายของผู้ประกอบการต่างประเทศในไทย ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจจะต้องรอ ครม.ชุดใหม่
นายศึกษิษฏ์ กล่าวอีกว่า ครม.ยังมีข้อสั่งการให้หน่วยงานเร่งตรวจสอบผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ เพื่อมาจดทะเบียน

ขณะเดียวกัน ในส่วนของภาษีแพลตฟอร์ม ซึ่งปัจจุบันมีการเก็บภาษี 7% จากสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท

เมื่อถามว่า หากไม่มีผู้ประกอบการสินค้าออนไลน์มาจดทะเบียนจะดำเนินการอย่างไร นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า จะต้องมีมาตรการตอบโต้ เนื่องจากกระทรวงดีอี สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มดังกล่าวได้ ส่วน กสทช.จะดูแลในเรื่องการเข้าถึงสื่อ ฉะนั้น จึงเชื่อว่าหลายงานจะช่วยกันดูแล และเมื่อเรามีเงื่อนไขชัดเจนทุกแพลตฟอร์มก็ต้องเข้ามาจดทะเบียนในไทย

ทั้งนี้ 63 แผนปฏิบัติการ อาทิ กำหนดให้ผู้ขนส่งที่เก็บเงินต้องถือเงินไว้ 5 วัน ก่อนนำส่งเงินให้ผู้ส่งสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคมีโอกาสแจ้งคืนสินค้าและขอเงินคืน และมีโอกาสเปิดดูสินค้าก่อนชำระเงินด้วยการบันทึกภาพและวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน