เมื่อวันที่ 2 ก.ย. นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมแพทย์ชนบท และ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท ร่วมกันแถลงข่าว “ขบวนการแพทย์ชนบทไทยได้รับรางวัลแมกไซไซ” ปี 2024 โดย นพ.สุภัทร กล่าวว่า รางวัลนี้มอบให้กับขบวนการแพทย์ชนบท ซึ่งมีประวัติศาสตร์การขับเคลื่อนมายาวนาน 48 ปี ไม่ได้ให้กับบุคคลใดคนหนึ่ง แต่เป็นกลุ่มคนที่หลากหลายที่ทำงานในชนบท รวมทั้งเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพ ภาคประชาชนและภาคประชาสังคมที่ขับเคลื่อนเรื่องสุขภาพ ตลอด 48 ปีเราสามารถผลักดันเรื่องสำคัญเชิงนโยบาย ได้กฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน 7 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ที่เกี่ยวกับการควบคุมการบริโภคยาสูบ 2 ฉบับ พ.ร.บ.สสส., พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ, พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ, พ.ร.บ.ระบบสุขภาพปฐมภูมิ และระเบียบสำนักนายกฯ เป็นสิ่งที่รางวัลแมกไซไซ มองเห็นและให้ความสนใจ รวมทั้งเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำ และการต่อต้านการคอร์รัปชั่น ซึ่งระยะหลังชมรมแพทย์ชนบทให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก โดยทางชมรมจะเดินทางไปรับรางวัลนี้ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ในวันที่ 16 พ.ย.นี้

สำหรับบทบาทการขับเคลื่อนของชมรมแพทย์ชนบทหลังจากนี้นั้น นพ.สุภัทร กล่าวว่า จะเดินหน้าขับเคลื่อนเรื่องลดความเหลื่อมล้ำและต่อต้านการคอร์รัปชั่น การวางรากฐานระบบสุขภาพปฐมภูมิ หลังจากที่มีกฎหมายออกมาแล้ว ส่วนบทบาทของชมรมแพทย์ชนบทหลายครั้งอาจไม่สอดคล้องกับผู้บริหารของกระทรวงนั้น

นพ.สุภัทร กล่าวว่า ขบวนการแพทย์ชนบทหรือชมรมแพทย์ชนบทเป็นเหมือนเอ็นจีโอหรือพลเมืองที่รวมตัวกันด้วยอุดมคติ ที่แตกต่างจากระบบราชการที่เราสังกัดอยู่ได้ ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์สิ่งที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ย่อมทำให้ผู้ใหญ่เห็นว่าการเป็นข้าราชการทำเช่นนั้นไม่ได้ ดังนั้นความขัดแย้งระหว่างชมรมแพทย์ชนบทกับผู้มีอำนาจก็จะคงอยู่ตลอดไป เพราะเป็นธรรมชาติของเราที่เป็นข้าราชการ แต่เราก็เป็นพลเมืองด้วยที่ได้แสดงออกถึงความเป็นพลเมือง และคิดว่าหลังจากมีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี และมี รมว.สาธารณสุข คนใหม่แล้ว ชมรมแพทย์ชนบทก็จะได้ไปพบเพื่อเสนอเรื่องหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ซึ่งเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลเช่นกัน ที่จำเป็นต้องวางรากฐานให้มั่นคงขึ้น เพราะระบบบัตรทองดำเนินการมากว่า 20  ปีแล้ว ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ก็เปลี่ยนไปมาก จำเป็นต้องวางรากฐานให้มั่นคงขึ้น.