เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการรับสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดรับสมัคร ที่ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี โดยบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมาก่อนเวลา 08.00 น. วันนี้พบว่าผู้สมัครที่เดินทางมารายแรกคือ นายเผด็จ นุ้ยปรี อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานี 4 สมัย เดินทางมาลงชื่อยื่นใบรับสมัครเลือกตั้ง เวลา 07.22 น. ท่ามกลางกลุ่มสมาชิกกลุ่มคุณธรรม ซึ่งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีเดินทางมาร่วมให้กำลังใจในครั้งนี้จำนวนมาก ก่อนที่ผู้ลงสมัครอีกรายคือ นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ น้องสาว นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาพร้อม นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ และลูกๆ ลงชื่อยื่นใบรับสมัครเลือกตั้ง เวลา 07.48 น.
โดยระหว่างที่ผู้สมัครทั้ง 2 ราย กำลังเตรียมนั่งประจำที่โต๊ะผู้รับสมัครนั้น จู่ๆ ก็มีสายโทรศัพท์เข้ามาที่นายเผด็จ นุ้ยปรี ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้ามาพูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ จากนั้น นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ก็ได้เก็บเอกสารที่เตรียมมาเพื่อยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งออกจากห้องประชุมและเดินทางขึ้นรถกลับไปพร้อมลูกๆ โดยที่ไม่ได้ให้เหตุผลใดๆ ส่วนทางนายเผด็จ นุ้ยปรี นั้นก็เดินทางกลับไปแล้วเช่นกัน
ทำให้บรรยากาศการรับสมัครเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีในเช้าวันนี้จึงยังไม่มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากเลยเวลา 08.30 น. วันนี้ไปแล้ว หากมีผู้ใดเดินทางกลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง คนที่ลงสมัครคนแรกจะได้เบอร์ตามลำดับการสมัครทันทีโดยที่ไม่ต้องจับสลาก โดยกำหนดสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุทัยธานีในครั้งนี้ มีระยะเวลาการรับสมัครตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2567 ถึงวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2567 เวลา 08.30 น. ถึงเวลา 16.30 น. ซึ่งยังคงต้องรอดูว่าในวันนี้จะมีผู้สมัครรายใดเดินทางกลับมายื่นสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งหรือไม่
นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวก่อนที่จะเดินทางขึ้นมายื่นเอกสารการลงสมัครรับเลือกตั้งว่า “การที่ตนเองมาลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งนายก อบจ.อุทัยธานี ในครั้งนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะทะเลาะกับใคร เพียงแค่ว่าแนวทางแนวคิดของแต่ละคนไม่ตรงกัน แต่เราก็ไม่ได้ทะเลาะกัน เรายังพูดคุยกันดีอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าแนวทางยังไปกันไม่ได้แค่นั้น และแนวทางนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ เพียงเป็นแค่แนวทางในด้านความคิดเท่านั้น เพราะนักการเมืองทุกคนก็เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว ทุกคนก็ต้องทำเพื่อจังหวัดของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ได้อยากให้มันเกิด เพราะครอบครัวเราก็ถือเป็นอีกครอบครัวที่มีหลายคนขอเอาไปเป็นตัวอย่างในเรื่องของความรัก ตอนนี้ในเรื่องของการเมืองกับการทะเลาะกันมันคนละเรื่อง จึงอยากจะบอกว่า รักกันเถอะค่ะ พี่น้องอย่างไรมันก็เป็นสายเลือด”