เมื่อวันที่ 1 ก.ย. นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี พร้อมครอบครัว เดินทางมาจากจังหวัดนครราชสีมา เข้าพบ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เพื่อขอคำปรึกษา โดยอ้างว่าถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นหนุ่มข้าราชการ มีพ่อเป็นตำรวจยศใหญ่ คุกคามมานานนับ 10 ปี ตั้งแต่ปาขวดใส่หลังคาบ้านตอนกลางคืน, นำปืนมาชักสไลด์เสียงดัง จนทำให้เกิดความหวาดกลัว, กวาดขยะแล้วเอามาเทในบ้าน, นำเลเซอร์มาส่องใส่กล้องวงจรปิดจนได้รับความเสียหาย, ทำร้ายร่างกายแม่และพ่อของผู้เสียหาย ทั้งนี้ เมื่อแจ้งไปยังหน่วยงานให้เข้ามาดำเนินการ แต่ได้รับคำตอบว่า…ให้ไปฟ้องเอาเอง
โดยนางเอ เล่าว่า สืบเนื่องจากทางครอบครัวไปมีเรื่องราวกับอีกฝ่ายตั้งแต่ปี 2561 เกี่ยวกับเรื่องที่ ลูกสาวของ นางเอ ไปยืมใช้โทรศัพท์ของ นายกร (นามสมมุติ) ลูกชายนายตำรวจระดับสารวัตร แล้วพลาดทำโทรศัพท์เสีย ต้องชดใช้ค่าซ่อมโทรศัพท์ แต่ยังไม่ทันนำเงินไปให้ ก็เกิดการโต้เถียงกันไปมา ทำให้มีข้อพิพาทผ่านเฟซบุ๊ก ถึงขั้นแจ้งความเอาผิดฐานหมิ่นประมาท และถึงแม้จะตกลงกันได้โดยจบที่ฝ่าย นายกร ต้องจ่ายเงิน 30,000 บาท แต่ก็ยังมีปัญหากันไม่จบ เมื่อกล้องวงจรปิดบ้านผู้เสียหายถูกทำลาย มีการปาขวดโซดาและขยะเข้ามาในบ้าน ลักษณะต้องการคุกคามไม่ให้อยู่อย่างสงบ พอไปแจ้งความอีกฝ่ายก็แจ้งความกลับกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จไม่มีพยานหลักฐานเอาผิด โดยฝ่ายสามีถูกแจ้งความเอาผิด 3 คดี ลูกสาวโดนแจ้ง 2 คดี และตนเองโดนไป 9 คดี ตลอดระยะเวลาหลายปี อีกฝ่ายก็ยังตามคุกคามจนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ไม่มีเวลาทำมาหากิน รวมทั้งเป็นห่วงชีวิตของลูกสาว อยากให้เลิกพฤติกรรมคุกคามดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ฝ่าย “กัน จอมพลัง” กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ทางผู้เสียหายมีปัญหา แจ้งความกันไปกันมา ทั้งนี้ ตัวเองจะประสานไปยังอธิบดีอัยการคุ้มครองสิทธิ เพื่อมาคุยกันเรื่องคดีว่าจะจบลงอย่างไร เพราะถ้าแจ้งกันไปกันมาก็เสียเวลากันทั้งคู่ จากที่ดูคลิปมีการพิพาทกันกินแหนงแคลงใจกันมานาน ไม่มีใครมีความสุขทั้งคู่ หากคุยกันไม่ได้จะประสานไปยังผู้บังคับการจังหวัดนครราชสีมา หากพูดคุยกันไม่ลงตัวจะดำเนินคดีกันอย่างไรให้ถึงที่สุดหรือไม่ก็ว่ากันไป ทั้งนี้ จะต้องให้ความเป็นธรรมกับอีกฝ่ายด้วย เพื่อหาทางออกที่ดี เชื่อว่าปัญหาเพื่อนบ้านจะจบง่ายที่สุด คือการมานั่งพูดคุยกัน.