เมื่อวันที่ 1 ก.ย. มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร จัดกิจกรรม “ผนึกพลังพันธมิตร ธารน้ำใจสู้ภัยน้ำท่วม” นำคาราวานถุงยังชีพชุดแรกกว่า 1,700 ชุดขึ้นไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย, แพร่ และน่าน ระหว่างวันศุกร์ที่ 30 ส.ค.-จันทร์ที่ 2 ก.ย. 2567 โดยมีนายนพปฎล รัตนพันธ์ รองบรรณาธิการบริหาร นสพ.เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์, นายเกรียงไกร บัวศรี ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหารฯ, นายวรพล เพชรสุทธิ์ หัวหน้าข่าวภูมิภาคฯ เป็นผู้นำคณะแจกถุงยังชีพไปโดยขบวนรถประกอบด้วยรถยนต์นิสสัน เทอร์ร่า 2 คัน รถกระบะโตโยต้า รีโว่ 1 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ 3 คัน โดยมีรถตำรวจทางหลวง สังกัด กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้ความอนุเคราะห์ในการนำทางไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นวันที่สามของขบวนคาราวานในการนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้พี่น้องผู้ประสบภัย

โดยวันนี้ถือเป็นวันที่สามของภารกิจแจกถุงยังชีพ โดยคาราวานของมูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ได้ออกเดินทางจากจังหวัดแพร่ ไปยัง ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน เพื่อนำถุงยังชีพ 470 ชุด ไปมอบให้ผู้ประสบภัย ซึ่งก่อนออกเดินทาง ทางคณะพร้อมด้วยนายสุภวัฒน์ ศุภสิริ นายกเทศมนตรีตำบลป่าแมต ได้ไปลงพื้นที่แม่น้ำยม ซึ่งอยู่หลังวัดเชตวัน ต.ป่าแมต อ.เมืองแพร่ จ.แพร่ เพื่อสำรวจปริมาณน้ำในแม่น้ำยม โดยพบว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมยังคงสูงและกระแสน้ำไหลเชี่ยว

นายสุภวัฒน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุตลิ่งพังส่งผลให้ชาวบ้านได้รับผลกระทบ ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นโครงการถนนเลียบยม เฟส 2 ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ซึ่งยังอยู่ในห้วงเวลาการก่อสร้าง อีกทั้งทางผู้รับจ้างเพิ่งเข้ามาดำเนินการได้ไม่นาน ต่อมาได้เกิดสถานการณ์อุทกภัย ดังนั้นจึงคาดว่าทางผู้รับจ้างเพิ่งตอกเสาเข็ม ในระดับชั้นล่างและเพิ่งจะปรับพื้นที่เพื่อเตรียมทำแนวในส่วนชั้นสองขึ้นมา แต่ในขณะนั้นเกิดอุทกภัย ประกอบกับด้วยความที่โครงการยังไม่แล้วเสร็จจึงทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ซึ่งถ้าในกรณีที่โครงการแล้วเสร็จตรงบริเวณดังกล่าวจะกันขึ้นมา ระดับตลิ่งจะอยู่ที่ 9.50 เมตร อย่างไรก็ตามจากเหตุอุทกภัยทำให้บริเวณดังกล่าวมีรอยแตกร้าว ศาลาพักผ่อนขนาดใหญ่ที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวเกิดการทรุดตัวและจมหายไป ซึ่งทางเทศบาลตำบลป่าแมตได้รับคำร้องพร้อมภาพถ่ายก่อนและหลังเกิดสถานการณ์ตลิ่งพัง ทั้งนี้หากระดับน้ำในแม่น้ำยมนั้นลดลง ทางผู้รับจ้างที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้รับปากจะเข้ามาดูแล ดังนั้นจึงได้แจ้งทางกรมโยธาฯ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับประสานให้ผู้รับจ้าง หากสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทางผู้รับจ้างจะมาดูแลเยียวยา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริเวณแม่น้ำยมล่าสุดยังคงมีความเสี่ยง เนื่องจากดินอุ้มน้ำ จึงคาดว่าอาจจะมีโอกาสที่ตลิ่งจะพังทลายเพิ่มมากขึ้น โดยในพื้นที่ก็ยังคงสั่งเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ต่อไป

จากนั้นขบวนคาราวานได้ออกเดินทางไปยัง รร.บ้านไหล่น่าน ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งจุดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม โดยพบว่าแม้สถานการณ์จะคลี่คลาย ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแต่ก็ยังพบว่าตามบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่โรงเรียนยังมีดินโคลนอยู่เป็นจำนวนมาก อีกทั้งบางจุดยังมีน้ำท่วมขังเนื่องจากคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เช่นเดียวกับบ้านหมู่ 8 ต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน และวัดไหล่น่าน ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยชาวบ้านได้ร่วมกันขัดล้างทำความสะอาดอาคาร บ้านเรือน ร้านค้าของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

นายนพพร เรืองสว่าง นายอำเภอเวียงสา กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้มากขึ้นกว่าทุกปี ส่งผลให้พื้นที่อำเภอเวียงสาได้รับผลกระทบ ไปมากกว่า 9 ตำบล 39 หมู่บ้าน พี่น้องกว่า 3,200 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ พืชผลทางการเกษตรกว่า 7,000 ไร่ ได้รับความเสียหาย อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเข้าสู่โหมดฟื้นฟู ซึ่งประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งเกษตรจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัดและประมงจังหวัด ถึงมาตรการในการช่วยเหลือพร้อมเร่งรัดสำรวจความเสียหายของพี่น้องประชาชนและจะประชุมกับนายก อปท.เพื่อเยียวยาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนตามขั้นตอน และขอเป็นตัวแทนชาวบ้านทุกคนสำหรับน้ำใจที่เดลินิวส์มอบให้ในครั้งนี้ และขอให้เดลินิวส์อยู่คู่สังคมไทยตลอดไป

ด้านนายธวัชชัย ชนะพิศ ผอ.รร.บ้านไหล่น่าน กล่าวว่า ปริมาณน้ำในแม่น้ำน่านปีนี้สูงกว่าทุกปี โรงเรียนจำเป็นต้องปิดการเรียนการสอนเป็นเวลา 4 วัน และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายทางโรงเรียนก็พร้อมเปิดการเรียนการสอนถึงแม้จะไม่เต็มร้อยก็ตาม เนื่องจากอุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนและเทคโนโลยีที่ใช้สอนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม อย่างไรก็ตามขอขอบคุณทางมูลนิธิและเดลินิวส์ตลอดจนกลุ่มพันธมิตรที่นำถุงยังชีพมามอบให้

ขณะที่นายนพปฎล กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนมูลนิธิฯ เดลินิวส์ และพันธมิตรต่างๆ มีความตั้งใจมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากน้ำท่วม ถึงแม้ว่าจำนวนถุงยังชีพอาจจะไม่มากแต่ก็เชื่อว่าจะสามารถบรรเทาทุกข์ของประชาชนได้ โดยมูลนิธิฯ และเดลินิวส์ พร้อมที่จะช่วยเหลือและเป็นสื่อกลางให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อน หากต้องการแจ้งข้อมูลความช่วยเหลือสามารถติดต่อทางเดลินิวส์ออนไลน์ได้ในทุกแพลตฟอร์ม

ทั้งนี้หากประชาชนทั่วไป หรือบริษัทห้างร้านต่างๆ กลุ่มสมาคม ชมรมต่างๆ สนใจร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยกับเดลินิวส์และพันธมิตร สามารถนำสิ่งของที่จำเป็น อาทิ อาหารพร้อมรับประทาน ยารักษาโรค อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ มามอบให้ที่สำนักงานเดลินิวส์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ (จนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย) โทรศัพท์สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2790-1111 ต่อ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล หรือจะบริจาคสมทบทุนได้ที่ มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล ผ่านทาง ธนาคารกรุงเทพ บัญชีออมทรัพย์ สาขาบางเขน ชื่อบัญชี มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล เลขที่บัญชี 161-5-00633-3

สำหรับกิจกรรมครั้งนี้มีกลุ่มพันธมิตรที่ร่วมกันจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย มูลนิธิแสง-ไซ้กี เหตระกูล หนังสือพิมพ์เดลินิวส์และเดลินิวส์ออนไลน์, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, สิงห์อาสา, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, บริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด, บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน), บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน), กลุ่มธุรกิจ TCP และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)