“เมืองไทย…ยังมีดีกว่าที่คิด” หลายคนคงรู้สึกคุ้นหูกับคำกล่าวนี้เป็นอย่างดี ในมุมมองของคนไทย เราต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า ‘ประเทศไทย’ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม น่าสนใจ และคุ้มค่าแก่การเดินทาง หลบซ่อนอยู่ในเมืองต่างๆ จังหวัดต่างๆ อีกจำนวนไม่น้อย ในมุมกลับกัน หากลองสวมแว่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งคนไทยเองที่อาจไม่ได้รู้จักแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยมากนัก ก็อาจจะจะนึกถึงเพียงเมืองท่องเที่ยวหลักๆ อย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หรือเกาะต่างๆ ที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น
ทว่าผืนแผ่นดินใจกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ยังมี ‘เมืองรอง’ ต่างจังหวัดที่หลบซ่อนความอัศจรรย์ใจอยู่อีกมากมาย ที่รอให้นักเดินทางไปสัมผัสวัฒนธรรม วิถีชีวิต และความงดงามทางธรรมชาติอันหลากหลาย มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่เรียบง่าย
ดังนั้นการเดินทางไปท่องเที่ยวยังเมืองรองจึงเปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันน่าสนใจ ในขณะเดียวกันยังสามารถส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนท้องถิ่น สร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ รวมถึงอนุรักษ์และส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป ได้อีกด้วย
การจะพัฒนาเมืองรองให้เป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างยั่งยืนได้นั้น จำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่ภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนชุมชนท้องถิ่น ทุกฝ่ายต้องร่วมกันสร้างสรรค์และพัฒนาพื้นที่ต่างๆ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ มีคุณภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้อย่างหลากหลาย
ดังที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (เคทีซี) และบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เดินหน้ากระตุ้นการท่องเที่ยว เมืองรองน่าเที่ยว 55 จังหวัดทั่วประเทศ ยกระดับการท่องเที่ยวเมืองรองน่าเที่ยวและกระจายรายได้สู่ชุมชน เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้รายได้การท่องเที่ยวในประเทศสามารถเติบโตตามเป้าหมาย 1.2 ล้านล้านบาท
อาทิ กิจกรรมขับรถ ลัดเลาะ เมืองรอง เที่ยวชุมชนบ้านวังรี ยลวิถีลาวเวียง จังหวัดนครนายก ชุมชนบ้านวังรีโดดเด่นด้วยวัฒนธรรมและวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยภูเขาเผ่าลาว ซึ่งยังคงสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน บ้านวังรียังมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อาทิ ภูเขา แม่น้ำ และป่าไม้ ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด
วิสาหกิจชุมชนบ้านวังรี มีการรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยชาวบ้านได้กิจกรรมในชีวิตประจำวันมานำเสนอในรูปแบบที่นักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมนั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยานท่องเที่ยวชุมชนริมป่าเขาใหญ่, การเรียนรู้วิถีถิ่น, ประดิษฐ์จานกาบหมาก ทำของที่ระลึก เพ้นท์พวจกุญแจจากเปลือกหอยหอม, กิจกรรมเดินป่าศึกษาสมุนไพรป่าชุมชน, การทำขนมและเครื่องดื่มจากวัตถุดิบพื้นบ้าน ตลอดจนกิจกรรมประกอบอาหารจากพืชผักสวนครัวที่ปลูกในครัวเรือน ตามแบบภูมิปัญญาตั้งเดิม เป็นต้น
‘สมฤดี จิตรจง’ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ททท. ขานรับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว หรือ เมืองรอง 55 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวเมืองรองน่าเที่ยว นำรายได้กระจายสู่ชุมชน และยังถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ‘IGNITE THAILAND’S TOURISM’ ของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการเป็น ‘Tourism Hub’ ที่สำคัญของโลก จึงได้ร่วมมือกับร่วมมือกับ เคทีซี และ ปตท. รวมถึงพันธมิตรอีกหลายราย จัดแคมเปญ ‘ขับรถเที่ยวเมืองรอง (เมืองน่าเที่ยว) กับบัตรเครดิตเคทีซี’ โดยตั้งเป้าผลักดันให้เกิดรายได้จากการท่องเที่ยวเมืองรอง ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท
ด้าน ‘ประณยา นิถานานนท์’ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี กล่าวว่า ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในหมวดการท่องเที่ยวทั้งประเทศ ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 เติบโตที่ 12% โดยยอดการเติบโตส่วนใหญ่มาจากหัวเมืองจังหวัดท่องเที่ยวใหญ่ สะท้อนได้ว่าการท่องเที่ยวเมืองรอง ยังต้องการแรงผลักดันจากรัฐบาลและภาคเอกชนในการกระตุ้นการท่องเที่ยวและนำรายได้สู่ชุมชนอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้เคทีซีพร้อมสนับสนุนการท่องเที่ยวของไทยให้บรรลุตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยมอบสิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว ครอบคลุมทั้งสถานีบริการน้ำมัน, ส่วนลดและแลกคะแนนรับเครดิตเงินคืนร้านอาหารและร้านกาแฟ 136 ร้านค้า, ส่วนลดที่พัก 41 โรงแรม และส่วนลด 9 พันธมิตรรถเช่า ทั้ง 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยว
เช่นเดียวกันกับ ‘สุวัฒน์ เทพปรีชาสกุล’ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี กล่าวเสริมว่า แคมเปญดังกล่าวถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระสำหรับสมาชิกบัตรเครดิตเคทีซี ที่วางแผนจะขับรถท่องเที่ยวไปยังเมืองรองน่าเที่ยว 55 จังหวัด โดยใช้บริการที่สถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และชำระค่าน้ำมันผ่านบัตรเครดิตเคทีซีวีซ่า ซึ่งบัตรเครดิตเคทีซีมาสเตอร์การ์ดทุกรับ จะได้รับเครดิตเงินคืน 4% เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ต้องการสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวต่างถิ่น และกระจายรายได้สู่ชุมชน
นอกจากนี้ ‘ถนัดพล ดุละลัมพะ’ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์และการตลาดค้าปลีกน้ำมัน ปตท. ยังกล่าวว่า ปัจจุบันสถานีบริการพีทีที สเตชั่น ภายใต้การกำกับดูแลของ OR ใน 55 จังหวัดเมืองรองน่าเที่ยว มีจำนวนทั้งสิ้น 1,093 สถานี ซึ่งความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและเคทีซีในครั้งนี้ จะเป็นส่วนช่วยให้คนไทยที่สนใจขับรถท่องเที่ยวเส้นทางเมืองรองน่าเที่ยวมากยิ่งขึ้นด้วยสิทธิพิเศษที่คุ้มค่า พร้อมได้ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพดี ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มดีเซล เบนซิน และแก๊สโซฮอล์ โดย ถันดพล ยืนยันว่า น้ำมันทุกชนิดของ พีทีที สเตชั่น ได้รับรองมาตรฐาน EURO 5 ซึ่งมีปริมาณกำมะถันลดลงถึง 5 เท่า ทำให้ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กลดลง อากาศสะอาดมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ยังมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำมันอย่างละเอียดเป็นประจำในทุกสาขา เพื่อควบคุมคุณภาพและส่งมอบน้ำมันที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภค สอดคล้องกับพันธกิจหลักของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนและขับเคลื่อนการท่องเที่ยวในมิติแห่งความยั่งยืน