เมื่อวันที่ 30 ส.ค. พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต. ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ช่วยราชการ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม. นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นบ้านเลขที่ 31/16 หมู่ 6 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มขบวนการคนจีนเข้ามาทำผิดกฎหมายในประเทศไทย
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า จากการสืบสวนทราบว่าได้มีกลุ่มคนจีน เข้ามาเช่าบ้านพักดังกล่าวซึ่งน่าจะเข้ามาทำคอลเซ็นเตอร์เกี่ยวกับชักชวนผู้เสียหายให้ทำการลงทุนเล่นหุ้น ซึ่งจะมีการแบ่งเป็นสามหน้าที่ โดยหน้าที่แรกจะมีการโทรศัพท์หาผู้เสียหายที่เป็นคนจีน ซึ่งจะมีกลุ่มเครือข่ายที่ทำหน้าที่ในการโทรศัพท์ ซึ่งการโทรศัพท์นั้นจะมีการชักชวนให้ผู้เสียหายทำการแอดแอปพลิเคชัน we chat เพื่อแนะนำหุ้นที่ดี
จากนั้นจะมีการให้ผู้เสียหายแอดเข้ากลุ่ม หน้าที่ที่สอง จะมีการให้ผู้เสียหายแอดเข้ากลุ่มของแอปพลิเคชั่นใหม่ชื่อ work puls ซึ่งในกลุ่มนั้นจะมีแอดมินที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของคนร้ายจะทำหน้าที่ในการแนะนำการลงทุนหุ้น โดยจะมีการส่งข้อความชักชวนในแต่ละวันและข้อความที่มีการแนะนำหุ้น โดยจะมีการให้ผู้เสียหายทำการติดตั้งแอปพลิเคชันที่สามารถดูบทเรียนเกี่ยวกับการเล่นหุ้น แต่อาจารย์ที่สอนแนะนำหุ้นนั้นล้วนเป็นหนึ่งในสมาชิกขบวนการเดียวกับผู้ต้องหา และจากนั้นจะมีการเริ่มให้ผู้เสียหายเริ่มทำการลงทุน
โดยในช่วงแรกจะมีการสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้เสียหาย โดยจะทำให้ผู้เสียหายได้รับเงินรางวัลที่เข้าร่วมในการลงทุน ซึ่งจะให้ผู้เสียหายส่งกระเป๋ารับเงินของแอปพลิเคชัน alipay โดยจะได้รับรางวัลประมาณ 20-100 หยวน และในขั้นตอนที่สาม เมื่อสร้างความน่าเชื่อถือได้แล้วจะมีการแนะนำให้ผู้เสียหายลงทุนมากขึ้นและทำการหลอกเอาเงิน โดยในที่เกิดเหตุพบคนจีน 15 ราย เป็นชาย 14 หญิง 1 พบคอมพิวเตอร์จำนวน 18 เครื่อง และโทรศัพท์ จำนวน 90 เครื่อง นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.