สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมื่อวันที่ 30 ส.ค. ว่า นายโรเบิร์ต ไรน์ฮาร์ด เจ้าของร้านโรแบร์โต คอนเฟกชันเนอรี ในเมืองทาตาบันยา ทางตอนเหนือของกรุงบูดาเปสต์ กล่าวว่า “เราเริ่มต้นด้วยรสชาติเบียร์และแพนเค้กมันฝรั่ง ซึ่งทำให้หลายคนตะลึงไปแล้ว”

หลังได้รับคำขอให้สร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ จากผู้คนทางออนไลน์ ไรน์ฮาร์ดเริ่มทดลองโดยผสมผสานอาหารฮังการีแบบดั้งเดิม เช่น ไก่ปาปริก้า, สตูกะหล่ำปลี และแพนเค้กเนื้อ เข้ากับไอศกรีมหลากหลายชนิด ซึ่งเขาไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่เพียงอาหารฮังการีเท่านั้น แต่ยังขยายเมนูให้ครอบคลุมถึงเมนูยอดนิยมตลอดกาล อย่างสปาเกตตีโบโลเนส และไข่คนกับเบคอน

“ผมเพิ่งรู้ว่าไอศกรีมรสชาติดีจริง ๆ นะ ไม่ใช่เรื่องตลก” ไรน์ฮาร์ดซึ่งขายไอศกรีมในราคา 500 ฟอรินต์ (ราว 47 บาท) ต่อสกู๊ปกล่าว ตั้งแต่นั้นมายอดขายของร้านก็เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า นับตั้งแต่ร้านของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักบนโลกออนไลน์ และสื่อฮังการีพากันเสนอข่าว

นางเอนา ภรรยาของไรน์ฮาร์ด กล่าวว่า “เรายังรับมือไม่ค่อยไหว เพราะเราไม่คาดคิดว่ามันจะฮิตขนาดนี้ และเรากำลังมองหาพนักงานเพิ่มอยู่ตลอดเวลา”

จนถึงตอนนี้ ไอศกรีมรสเค็มได้รับความนิยมจากลูกค้า แม้ว่าบางคนจะยอมรับว่ารสชาติยังต้องเรียนรู้อีกมาก “ฉันคิดว่ามันแปลกมาก แต่รสชาติก็อร่อยมาก” น.ส.อิลดิโก กล่าว หลังทดลองชิมรสชาติทั้งหมดก่อนตัดสินใจเลือก “ซุปมะเขือเทศ ชีสนมแกะกับผักชีลาว และชีสทอดมีรสชาติดีที่สุด” เธอกล่าว และเสริมว่าอีกไม่นานเธอจะกลับมาอีกแน่นอน

นายโรเบิร์ต ไรน์ฮาร์ด เจ้าของร้านโรแบร์โต คอนเฟกชันเนอรี

ตรงกันข้ามกับ นายคริสเตียน คิส ทนายความวัย 43 ปี ที่เชื่อว่าเขาอาจจะไม่กลับไปที่นั่นอีก “ผมต้องลองชิมไอเดียแปลก ๆ แบบนี้ดู” เขากล่าวติดตลก และชื่นชมรสชาติที่เสมือนจริง ด้าน ด.ช.เซเตนี บุตรชายวัย 10 ขวบของเขา รู้สึกตื่นเต้นน้อยกว่า โดยบอกว่าการได้ลิ้มรสของเค็ม เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก เพราะลิ้นคุ้นชินกับความหวานของมัน

ทัง้นี้ ความเห็นบนโซเชียลมีเดียแตกออกเป็นสองฝ่าย บางฝ่ายโจมตีไอศกรีมรสชาติใหม่นี้ว่า “น่าขยะแขยง” ขณะที่โพสต์เกี่ยวกับไอศกรีมรสชาติแปลก ๆ เหล่านี้ มีผู้เข้าชมหลายหมื่นครั้ง และบางโพสต์มีผู้เข้าชมถึงล้านครั้ง

ไรน์ฮาร์ดวางแผนที่จะเปิดร้านแห่งที่ 2 ในกรุงบูดาเปสต์ ภายในอนาคตอันใกล้นี้ ขณะเดียวกัน เจ้าตัวยืนยันจะยังคงจำหน่ายไอศกรีมรสชาติใหม่และแปลกต่อไป แม้กระทั่งในช่วงฤดูหนาว.

เครดิตภาพ : AFP