สวัสดีค่ะ แฟนๆ “บันเทิงเดลินิวส์” ทุกท่าน เจอกันทุกสัปดาห์กับ “นูน่าเมี้ยน” ที่จะพาแฟนๆ ทุกคนมาอัปเดตเรื่องราวของวงการบันเทิง K-Pop นักแสดง ไอดอลเกาหลีในรอบสัปดาห์แบบพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟผ่านคอลัมน์ “SeoulStation” โดยสัปดาห์นี้นูน่าจะพามาพูดถึงซีรีส์แนวโรแมนติกคอมเมดี้เรื่องใหม่อย่าง “No Gain No Love” ที่แฟนๆ ต่างพากันเฝ้ารอคอยกันอย่างมาก เพราะนอกจากจะมีเรื่องราวอันแสนสนุกเข้มข้นของความสัมพันธ์ และความรักในรูปแบบที่แตกต่างออกไปของคนที่ไม่เชื่อในการแต่งงาน การออกเดท และการขอแต่งงานแล้ว ยังเป็นการคัมแบ๊กซีรีส์ในรอบ 2 ปีของราชินีซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้อย่าง “ชินมินอา” (Shin Min A) ที่จะมาประกบคู่กับนักแสดงหนุ่มดาวรุ่ง “คิมยองแด” (Kim Young Dae)
ผ่านเรื่องราวของ “ซนแฮยอง” (รับบทโดย ชินมินอา) ที่ชีวิตของเธอต้องเจอกับความสูญเสียอย่างต่อเนื่องจนแทบไม่ได้หยุดพัก ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก และการงาน แฮยองจึงพยายามพลิกชะตาชีวิตด้วยการทำสัญญาแต่งงานกับพนักงานในร้านสะดวกซื้อ “คิมจีอุก” (รับบทโดย คิมยองแด) ละแวกบ้าน แต่เธอไม่ใช่คนเดียวที่พยายามแก้ปัญหาด้วยวิธีการแปลกๆ เพื่อนสนิทของเธอก็เลือกใช้วิธีการแหวกแนวเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้ยังเสริมทัพด้วยนักแสดง “อีซังอี” (Lee Sang Yi) กับบทบาท “บกกยูฮยอน” ทายาทตระกูลแชโบลผู้ไม่เคยเชื่อในความรักและไม่อยากแต่งงาน และมี “ฮันจีฮยอน” (Han Ji Hyun) ที่จะมารับบทบาท “นัมจายอน” นักเขียนนิยายออนไลน์ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กของแฮยอง และใช้นามปากกาว่า “ยอนโบรา” ซึ่งซีรีส์จะถ่ายทอดผ่านผลงานการกำกับของผู้กำกับมากฝีมือ “คิมจองชิก” (Kim Jung Shik) จาก “Strong Girl Nam-soon” และผู้เขียนบท “คิมฮเยยอง” (Kim Hye Young) จาก “Her Private Life”
งานนี้ “นูน่าเมี้ยน” ก็ไม่พลาดได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษนักแสดงนำ “ชินมินอา”, “คิมยองแด”, “อีซังอี” และ “ฮันจีฮยอน” แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงเรื่องราวความสนุก และความเข้มข้นของซีรีส์เรื่อง รวมถึงเบื้องหลังของการทำงานเหล่านักแสดงมาฝากแฟนๆ ทุกคนด้วย
เล่าถึงตัวละครที่แต่ละคนรับบทให้ฟังหน่อย?
ชินมินอา: “ฉันรับบทเป็นซนแฮยอง หญิงสาวที่ไม่ยอมเป็นฝ่ายแพ้ ทั้งเรื่องรักและเรื่องงาน เธอไม่กลัวที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมายของตัวเอง เป็นคนซื่อตรงและแข็งแกร่งมากๆ ดังนั้นฉันก็เลยพยายามแสดงความเป็นตัวเองออกมาอย่างจริงใจ แล้วก็พยายามเข้าใจความรู้สึกของแฮยอง รวมถึงทุกเรื่องที่ผ่านมาในชีวิตของเธอด้วย”
คิมยองแด: “ผมคิมยองแด รับบทเป็นคิมจีอุก ชายหนุ่มผู้ทำงานหนักและพยายามไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นครับ จีอุกเป็นคนเอาใจใส่คนอื่นมากๆ ผมจึงพยายามที่จะคิดอะไรให้ลึกซึ้งรอบคอบแบบเขา และพยายามแสดงบุคลิกที่สงบเยือกเย็นของเขาออกมา”
อีซังอี: “ผมอีซังอี รับบทเป็นบกกยูฮยอน ซีอีโอของบริษัท KKULBEE ผู้ไม่เคยเปิดใจให้ความรักอย่างเต็มที่ครับ การที่ผมจะดูเหมือนประธานบริษัทได้ เราต้องปรับลุค มีเสื้อผ้า รองเท้า และแอคเซสซอรี่ที่ดูเนี้ยบ แล้วก็ต้องแสดงเข้าขากับอียูจิน ที่รับบทเป็นเลขาของผม รวมถึงจีฮยอน ที่ต้องเข้าฉากด้วยกันมากที่สุดด้วย”
ฮันจีฮยอน: “ฉันฮันจีฮยอน ฉันรับบทเป็นนัมจายอนหรือยอนโบรา จายอนเป็นนักเขียนนิยายเรท R ค่ะ เธอเป็นคนมีจินตนาการสูงมาก แต่ว่าเธอยังโสด แล้วก็ไม่เคยมีแฟนเลยตลอดชีวิตที่ผ่านมา ดังนั้นฉันก็เลยพยายามจะแสดงให้เห็นความรู้สึกสดใหม่ของการตกหลุมรักเป็นครั้งแรกของเธอ”
ตัวละครของคุณเหมือนหรือแตกต่างจากตัวจริงของคุณยังไงบ้าง และมุมไหนของตัวละครที่คุณรู้สึกประทับใจที่สุด?
ชินมินอา: “ก่อนที่จะมารับบทนี้ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองกำลังอยู่ในจุดที่เสียเปรียบในสถานการณ์ไหนบ้างรึเปล่า แต่พอได้แสดงเรื่องนี้แล้ว ฉันก็เริ่มถามตัวเองว่า “นี่ฉันกำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่รึเปล่านะ ฉันเป็นฝ่ายทำให้คนอื่นเสียหาย หรือเป็นฝ่ายที่เสียหายกันแน่นะ” ส่วนเรื่องที่ว่าฉันเหมือนกับตัวละครมากแค่ไหน ตอนที่อ่านบทครั้งแรก ฉันรู้สึกเชื่อมโยงกับเธอและรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย ยิ่งถ่ายทำไปเรื่อยๆ ฉันก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเธอมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นฉันคิดว่าตอนนี้เรามีสิ่งที่คล้ายกันหลายอย่างเลย”
คิมยองแด: “จีอุกเกลียดการสร้างปัญหาให้คนอื่น แล้วก็ชอบที่จะเป็นฝ่ายแบกรับปัญหาไว้เอง การได้เล่นบทนี้สอนผมหลายอย่าง และทำให้ผมกลับมาคิดว่าที่ผ่านมาผมใส่ใจคนอื่นมากน้อยแค่ไหน การสละตัวเองเพื่อคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย ผมพยายามมากเพื่อที่จะเข้าใจมุมนี้ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง ดังนั้นผมคิดว่าเรามีความคล้ายกันประมาณ 99% เลย (หัวเราะ) จริงๆ อาจจะประมาณครึ่งนึงครับ เพราะปกติผมก็มักจะเกรงใจคนอื่นประมาณนึงเลย”
อีซังอี: “ผมคิดว่าตัวละครบกกยูฮยอนกับผมค่อนข้างต่างกันมากเลย ผมไม่เคยเป็นผู้นำในบริษัทหรือองค์กรอะไรมาก่อนการเข้าไปอยู่ในความคิดของเขา เลยเป็นเรื่องค่อนข้างท้าทายในตอนแรก แต่แน่นอนว่าคำตอบมักจะซ่อนอยู่ในบท ผมค้นพบว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าหน้าที่การงานหรือสถานะทางสังคมของเขาคือความสัมพันธ์ของเขากับตัวละครตัวอื่นๆ ในเรื่องดังนั้นผมก็เลยโฟกัสกับจุดนี้เพื่อให้บทบาทออกมาสมจริง แม้ว่าจะมีหลายอย่างที่ผมกับเขาไม่เหมือนกัน แต่ผมก็พยายามจะอุดช่องว่างนั้น ผมว่าสิ่งที่เราเหมือนกันที่สุด คือวิธีที่เขาสื่อสารกับเลขา โดยเฉพาะการพูดคุยแบบสบายๆ และขี้เล่น แล้วก็มุมน่ารักในความสัมพันธ์ของเขากับนัมจายอน ทั้งหมดนี้ค่อนข้างจะใกล้เคียงกับตัวจริงของผม ดังนั้นผมว่าเราเหมือนกันประมาณ 50%”
ฮันจีฮยอน: “ฉันคิดว่าฉันกับจายอนเป็นคนรักครอบครัวมากๆ นั่นเป็นจุดสำคัญที่เรามีเหมือนกัน แต่ในขณะที่จายอนดูเหมือนจะกลัวความรักหน่อยๆ ฉันเป็นคนที่ไม่ลังเลเลยในการแสดงออกเรื่องความรัก นี่คือจุดที่เราต่างกัน ในระหว่างถ่ายทำ ฉันค่อยๆ รู้สึกว่าตัวเองเหมือนจายอนขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกรู้สึกว่าเธอห่างไกลจากฉันมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปฉันก็ค่อยๆ เหมือนเธอมากขึ้น ดังนั้นมันเลยอาจจะยากหน่อย ถ้าต้องบอกว่าเราเหมือนกันกี่เปอร์เซ็นต์”
คุณซังอี บทบาทของคุณในเรื่องนี้ต่างจากตัวละครของคุณในเรื่องอื่นๆ ยังไงบ้าง?
อีซังอี: “ผมคิดว่าตัวละครตัวนึงจะมีพลังดึงดูดก็ต่อเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ในตัวเขา สำหรับบกกยูฮยอน เขาเปลี่ยนจากคนเก็บตัวเป็นคนอินเลิฟแบบสุดๆ ผมคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้เขาเป็นตัวละครที่แตกต่างจากบทบาทอื่นๆ ที่ผมเคยเล่นมาเลย”
“คุณจีฮยอน” ในเรื่องนี้คุณแสดงเป็นนักเขียนนิยายออนไลน์ จริงๆ แล้วคุณเป็นคนชอบเขียนหรืออ่านนิยายหรือเว็บตูนอยู่แล้วด้วยไหม?
ฮันจีฮยอน: “ส่วนใหญ่ฉันจะเขียนไดอารี่แล้วก็ชอบจดบันทึกความฝันของตัวเองไว้ ส่วนใหญ่จะเขียนประมาณนี้ ฉันอ่านนิยายออนไลน์บ้างและชอบเว็บตูนมากๆ เลย ฉันอ่านมันทุกวันและพยายามตามอ่านเว็บตูนที่อัพเดทใหม่ตลอด ฉันชอบเว็บตูนมาตั้งแต่เรียนประถม ส่วนใหญ่จะเริ่มอ่านจากเว็บตูนก่อน แล้วถ้าเรื่องไหนน่าสนใจก็ค่อยตามไปอ่านนิยายต้นฉบับ ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้เสียเงินไปเยอะเหมือนกัน (หัวเราะ)”
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คุณตกลงรับบทนี้ และอะไรในซีรีส์ที่ทำให้คุณรู้สึกประทับใจ?
ชินมินอา: “อย่างแรกเลยคือบทที่น่าติดตาม ทั้งสนุก ดูง่าย แล้วก็แปลกใหม่ มันทำให้ฉันอยากสวมบทเป็นแฮยอง แล้วก็คิดว่ามันต้องสนุกมากๆ แน่ ตัวละครทุกตัวในเรื่องนี้มีมิติมากๆ และแต่ละคนก็มีเรื่องราวภูมิหลังที่น่าสนใจ ดังนั้นฉันเลยตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ฉันแน่ใจตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า ด้วยตัวละครที่น่าสนใจและเรื่องราวที่ทำให้พวกเขามาเกี่ยวพันกัน ซีรีส์เรื่องนี้จะต้องสนุกมากแน่ๆ”
คิมยองแด: “ผมเองก็รู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันน่าสนใจมากๆ เหมือนกัน อย่างที่พี่มินอาบอกเลย ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในเรื่องนี้น่าติดตามมาก อีกอย่างคือนักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครทั้งหมดนี้ก็ทั้งเก่ง หน้าตาดี แล้วก็นิสัยดีมากๆ จนผมอยากเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ด้วยเลยครับ…สู้! (หัวเราะ)”
อีซังอี: “ผมคิดแบบเดียวกับพี่มินอาเลย เพราะว่าครั้งแรกที่ผมอ่านบท No Gain No Love ผมได้เห็นความสัมพันธ์และความรักหลากหลายรูปแบบในนั้น ทั้งคู่เดท คู่แต่งงาน ครอบครัว พ่อแม่ลูก มีความสัมพันธ์หลายรูปแบบ ซึ่งมาพร้อมกับความรักที่แตกต่างกันออกไป มันเป็นเรื่องราวที่จริงใจและตรงไปตรงมามากกว่าซีรีส์เรื่องอื่นๆ มันโดนใจผมมากๆ ผมคิดว่าเวลาแสดงความรัก คนเราจะแสดงบุคลิกและตัวตนออกมา ดังนั้นมันเลยสนุกมากที่เราได้เห็นตัวละครแต่ละตัวตั้งคำถามว่า “ฉันจะได้หรือเสียอะไรจากตรงนี้ไหม” หรือ “ฉันควรจะตอบโต้ยังไงในสถานการณ์นี้ดีนะ” ผมอ่านบทจบเร็วมาก และนั่นคือเหตุผลที่ผมอยากมีส่วนร่วมในซีรีส์เรื่องนี้ อีกเหตุผลที่ทำให้ผมอยากร่วมงานนี้มากๆ เพราะผมได้ยินว่ารุ่นพี่มินอาจะแสดงด้วย ผมก็เลยอยากจะร่วมงานกับเธออีกครับพวกเราสนิทกันเพราะว่าผมกับเธอเคยรู้จักกันจากเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha ส่วนยองแดกับจีฮยอนก็เคยแสดงใน The Penthouse: War in Life ด้วยกัน ผมก็เลยคิดว่ามันคงจะสนุกดี”
ฮันจีฮยอน: “ตอนที่ได้บทมาครั้งแรก ฉันมีคำถามเกี่ยวกับตัวละครของตัวเองเยอะมากเลย ฉันจดคำถามไว้ยาวมากเพื่อจะมาคุยในวันที่นัดเจอผู้กำกับครั้งแรก มันเป็นตัวละครที่ลึกลับและเข้าใจยากมากสำหรับฉัน ฉันรู้สึกได้ว่าเธอต้องมีเรื่องราวภูมิหลังเยอะมาก ซึ่งก็ทำให้ฉันยิ่งอย่างรู้เข้าไปอีก อีกอย่างคือ ฉันอยากร่วมงานกับรุ่นพี่ซังอี ยองแด และพี่มินอามากๆ ก็เลยตกลงรับบทนี้”
ความรู้สึกตอนแรกที่ได้เจอกันเป็นยังไงบ้าง และหลังจากได้ร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไรบ้าง?
ฮันจีฮยอน: “ในวันอ่านบทครั้งแรก ตอนที่พี่มินอาเดินเข้ามาเธอสวยตะลึงสุดๆ เลย สวยแบบที่ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีคนสวยขนาดนี้อยู่ในโลก! ฉันกลับบ้านไปแล้วก็พูดกับแม่หลายรอบมากว่า “แม่ พี่เขาสวยมากเลยอ่ะ พี่เขาสวยมาก” แล้วพี่เขาก็สวยตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่ายด้วยค่ะ สำหรับพี่ซังอีเราเคยรู้จักกันที่โรงเรียนมาก่อน ตอนเจอที่โรงเรียนเราก็จะแค่ทักทายกันเฉยๆ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ทำงานด้วยกันในกองถ่าย รู้สึกว่าเป็นเรื่องใหม่ที่น่าตื่นเต้นมากๆ ส่วนยองแด เราเคยแสดงเรื่อง The Penthouse: War in Life ด้วยกัน ฉันก็เลยตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับเขาในแนวโรแมนติกบ้าง แล้วก็ตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับเขาอีก”
อีซังอี: “ความประทับใจแรกของผมต่อทุกคนดีหมดเลยครับ พวกเราเข้ากันได้ดีมาก แล้วก็สนิทกันได้เร็ว โดยเฉพาะผมกับยองแด ยังไงความประทับใจสุดท้ายก็สำคัญกว่าความประทับใจแรกใช่ไหมล่ะ รวมๆ แล้วมันเป็นประสบการณ์การถ่ายทำที่สนุกมากเลย”
คิมยองแด: “ผมขอเริ่มจากพี่มินอาก่อนนะ ผมโตมากับการได้ดู My Girlfriend is a Gumiho ตอนสมัยม.ปลาย จำได้ว่าตอนที่ได้ดูซีรีส์เรื่องนั้นครั้งแรกผมรู้สึกว่า “ว้าว ทำไมสวยขนาดนี้นะ” ดังนั้นก็เลยรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับพี่เขาในซีรีส์เรื่องนี้ ผมคิดว่าผมเคยบอกเธอแล้วตอนที่เจอกันครั้งแรกว่าตั้งแต่นั้นมาผมก็เป็นแฟนคลับเธอมาตลอด การถ่ายทำในครั้งนี้ทั้งสนุก ตื่นเต้น แล้วก็เป็นเหมือนของขวัญสำหรับผมเลยครับ ส่วนพี่ซังอีผมก็จำความรู้สึกแรกตอนที่ได้เจอเขาไม่ค่อยได้ แต่ความประทับใจสุดท้ายตอนนี้คือเขาเป็นพี่ชายที่ผมชอบมากๆ เขาเป็นคนที่ทำให้คนอื่นรู้สึกสบายใจเวลาอยู่ด้วย ส่วนจีฮยอน เราเคยทำงานด้วยกันมาก่อน ผมจำได้ว่าตอนนั้นทีมนักแสดงสนิทกันมาก พวกเราคอยดูแลช่วยเหลือกันตลอด ดังนั้นการได้ร่วมงานกับเธออีกเลยเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ปกติแล้วผมจะเกร็งมากในวันอ่านบทครั้งแรก แต่สำหรับครั้งนี้การที่มีเธออยู่ด้วยมันทำให้ผมนึกถึงความทรงจำที่ผ่านมา ทำให้ผมรู้สึกสงบนิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากๆ”
ชินมินอา: “ก่อนจะได้เจอคิมยองแด ฉันอยากรู้ตลอดเลยว่าเขาเป็นคนยังไง เพราะฉันไม่เคยเจอเขามาก่อนเลย ตอนแรกมันค่อนข้างจะเก้ๆ กังๆ หน่อย เพราะว่าฉันเป็นคนขี้อาย ยองแดก็เหมือนกัน แต่ฉันชอบมากเลยที่เขาพยายามจะปรับตัวให้เข้ากับวิธีการแสดงของฉัน และฉันก็พยายามแบบนั้นกับเขาเหมือนกัน อีกอย่างคือหน้าตาเขามีบางอย่างที่ทำให้เหมือนหลุดออกมาจากการ์ตูนเลย ส่วนซังอี เขาเป็นนักแสดงที่ฉันรู้สึกชื่นชมค่ะ เราแสดงด้วยกันในเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha เขาเป็นคนสดใส แล้วก็คิดบวกมากๆ ส่วนตัวฉันรู้สึกว่าเขาเหมาะจะรับบทบกกยูฮยอนเลยล่ะ ฉันดีใจและตื่นเต้นมากตอนที่รู้ว่าเขาจะมาร่วมงานครั้งนี้ด้วย ส่วนจีฮยอน เธอเป็นคนน่ารักมากๆ เป็นคนน่ารักน่าเอ็นดู มีชีวิตชีวาจนฉันหยุดคิดไม่ได้เลยว่าเธอน่ารักจัง ฉันรู้สึกตั้งแต่แรกเลยว่าเธอต้องเหมาะกับบทจายอนสุดๆ ตอนที่พวกเราอ่านบทครั้งแรกด้วยกัน ฉันก็รู้สึกได้ถึงเคมีและเสน่ห์ของตัวละครแต่ละตัว ความรู้สึกแรกของฉันตอนได้เจอทุกคนมันดีมากเลย”
คุณซังอีกับคุณจีฮยอน มีอะไรในตัวอีกฝ่ายที่คุณรู้สึกประทับใจหรือชื่นชมบ้าง?
ฮันจีฮยอน: “พี่ซังอีเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศในกองสดใสมากเลย เขาเป็นคนตลกแล้วก็ยิ้มแย้มตลอด ทำให้ความรู้สึกในกองถ่ายผ่อนคลายขึ้น การได้อยู่ใกล้เขาทำให้ฉันรู้สึกเกร็งน้อยลงและสนุกขึ้น อีกอย่างคือเขาเป็นนักแสดงที่มีพรสวรรค์มาก ดังนั้นฉันก็เลยเหมือนได้อานิสงส์ไปด้วย (หัวเราะ)”
อีซังอี: “ไม่จริงเลย ผมว่าจีฮยอนเป็นคนมุ่งมั่นและอดทนมากต่างหาก ตอนที่เราถ่ายทำเป็นช่วงอากาศหนาวมากๆ แต่ผมไม่เห็นเธอบ่นเลย ไม่เลยแม้แต่นิดเดียว บางครั้งเธอต้องยืนใกล้กับฮีตเตอร์มากๆ จนเสื้อกันหนาวไหม้ แต่เธอก็จะพูดตลอดว่าเธอโอเค เธอไม่หนาว ผมประทับใจความเข้มแข็งของเธอตอนถ่ายทำมาก และเธอก็ทำให้ผมนึกถึงผลไม้ เพราะว่าพลังงานของเธอในกองถ่ายมันทำให้ทุกคนสดชื่นมีชีวิตชีวามากๆ”
คุณซังอีกับคุณจีฮยอน มีบทพูดช่วงไหนของคุณที่จำได้ขึ้นใจบ้างไหม?
ฮันจีฮยอน: “มีฉากนึงที่ฉันจำบทได้ยากมาก เพราะบทยาวหนึ่งหน้าเต็มๆ เลยค่ะ บทพูดจะประมาณว่า “ต้องใช้การ์ดเชิญกี่ใบนะ? หนึ่งร้อย? สองร้อย? ร้อยห้าสิบ? แล้วจะใส่รูปด้วยไหม? งั้นถ้าใส่ภาพวาดลงไปจะดีรึเปล่า? ให้ฉันไปถามเพื่อนนักเขียนดูไหม? แล้วถ้าเป็นกรอบแบบเลเซอร์คัทล่ะ” ฉันต้องพูดแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นบทที่จำยากสุดๆ ไปเลย”
อีซังอี: “ตอนแรกๆ ผมจะได้เข้าฉากกับเลขายอ-ยออาจุน ซึ่งในเรื่องเป็นเลขาของผมค่อนข้างเยอะ เราต้องอยู่ด้วยกันตลอด แทบจะเหมือนทอมกับเจอร์รี่ แล้วผมต้องเรียกเขาบ่อยมาก “เลขายอ เลขายอ เลขายอ เลขายอ” นี่คือบทที่ผมจำขึ้นใจสุด ถึงจะเรียกชื่อเขาบ่อย แต่จะใช้น้ำเสียงไม่เหมือนกันเลยครับ นี่เลยเป็นบทพูดที่ผมจำได้แม่นสุด”
ใครคือคนที่ร่าเริงที่สุดในกอง?
คิมยองแด: “ทุกคนลงความเห็นว่าเป็นพี่ซังอี พี่เขาเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศในกองสนุกขึ้น เป็นคนที่ร่าเริงที่สุดและทำให้พวกเราหัวเราะตลอด แล้วยังเป็นคนใจกว้างมากๆ ด้วย บางทีเขาก็ชอบเต้นแท็ปขึ้นมาเฉยๆ แบบว่านึกอยากจะเต้นก็เต้น มันตลกมากเลย”
อีซังอี: “ผมไม่ค่อยแน่ใจเรื่องสร้างสีสันในกองถ่ายนะ ผมแค่อยากจะสนุกไปกับการถ่ายทำ ที่ผมเต้นหรือฮัมเพลงเป็นเพราะนั่นคือวิธีที่ผมทำให้ตัวเองยังตื่นตัวเท่านั้นเอง ผมพยายามจะเพิ่มพลังให้ตัวเอง ด้วยการเต้นท่าที่กำลังฮิตอยู่อะไรอย่างนี้”
ฮันจีฮยอน: “ฉันยืนยันว่าพี่ซังอีเป็นคนตลกและเข้าถึงง่าย แล้วก็ใจดี คอยใส่ใจดูแลทุกคนในกองถ่าย แต่ในขณะเดียวกันพี่เขาก็จริงจังสุดๆ กับการแสดง แล้วก็ตั้งใจมากเวลาคุยเรื่องงาน นั่นคือสิ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับพี่เขาเลย”
คุณมินอากับคุณยองแด มีบทบาทแบบไหนอีกที่คุณอยากแสดงในอนาคต?
คิมยองแด: “สำหรับผมยังมีบทอีกหลายแนวเลยที่ผมยังไม่เคยได้แสดง ดังนั้นถ้ามีโอกาสผมก็อยากจะลองเล่นทุกบทบาทเลย ไม่ได้มีบทแบบไหนที่ผมมองไว้เป็นพิเศษ แต่ผมอยากจะท้าทายตัวเองและจะตั้งใจทำให้ดีที่สุดในทุกๆ ครั้ง”
ชินมินอา: “หลังจากได้สวมบทบาทเป็นแฮยอง ฉันรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยเลย เพราะว่าได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ข้างในออกมาอย่างเต็มที่ ในอนาคตฉันก็เลยอยากจะแสดงเป็นตัวละครที่มีความตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองอีกซักครั้ง”
คุณมินอากับคุณยองแด อะไรที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ต่างจากเรื่องอื่นๆ อะไรคือเหตุผลที่ผู้ชมต้องติดตามซีรีส์เรื่องนี้?
ชินมินอา: “สิ่งที่แปลกใหม่ในเรื่องนี้คือการที่พระเอกนางเอกเพิ่งจะเริ่มรู้สึกชอบอีกฝ่ายหลังจากแต่งงานกันแล้ว ดังนั้นมันเลยกลับกัน เพราะความรู้สึกของพวกเขาค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นแบบช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป ฉันคิดว่านี่คือจุดที่น่าติดตาม และหลังจากแต่งงานแล้ว เราก็จะค้นพบว่าเรื่องราวภูมิหลังของจีอุกกับแฮยองมันเกี่ยวพันกันในแบบที่น่าสนใจมาก ฉันคงเล่ามากกว่านี้ไม่ได้แล้วค่ะ เดี๋ยวจะสปอยล์เรื่องราวอยากให้ทุกคนติดตามชมด้วยตัวเอง”
คิมยองแด: “หนึ่งในสิ่งที่โดดเด่นในซีรีส์เรื่องนี้คือบทสนทนาในเรื่องมันให้ความรู้สึกสมจริงมากๆ ครับ ทั้งบทพูดและฉากต่างๆ ดูเป็นธรรมชาติเหมือนในชีวิตจริง ซึ่งทำให้เรื่องราวเข้าถึงผู้ชมได้ง่ายขึ้นอีก ความรักในเรื่องก็ถ่ายทอดออกมาได้เหมือนจริงมากมันไม่ใช่อะไรที่ผิวเผินหรือเกินจริง แต่มันแสดงให้เห็นแก่นแท้ของอารมณ์ความรู้สึกและผมเชื่อว่าความจริงใจนี้จะโดนใจผู้ชม”
คุณซังอีกับคุณจีฮยอน คุณคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้เหมาะกับใครบ้าง?
ฮันจีฮยอน: “ฉันคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้ เหมาะกับผู้ชมทุกวัยเลย เป็นเรื่องราวที่อบอุ่นหัวใจทั้งความรักในครอบครัวและความรักของหนุ่มสาวที่ถ่ายทอดออกมาได้ดีมากๆ เลย ฉันคิดว่ามันเป็นซีรีส์ที่ดูด้วยกันได้ทั้งครอบครัว ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่เลย”
อีซังอี: “ความรู้สึกของผมตอนได้อ่านบทครั้งแรก ทำให้ผมอยากจะแนะนำซีรีส์เรื่องนี้ให้คนอื่นได้ชมเลย ในช่วงเวลาที่ท้าทายแบบนี้ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ ตามที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในข่าว ผมคิดว่าซีรีส์เรื่องนี้จะทำให้คุณได้มองความสัมพันธ์และความรักในมุมใหม่ ผู้ชมจะได้กลับไปใคร่ครวญถึงชีวิตของตัวเองและความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนรอบข้างอีกครั้ง เป็นซีรีส์ที่ดูสนุกได้ทั้งทุกเพศทุกวัยเลย”
ถ้าต้องพูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ด้วยคำเพียง 3 คำ คุณจะเลือกคำไหนบ้าง?
ฮันจีฮยอน: “ชินมินอา ความรัก ความอบอุ่น ยังไงสำหรับฉันต้องมีคำว่า “ชินมินอา” แน่นอน
อีซังอี: “ความรัก ความรัก ความรัก เพราะคุณจะได้เห็นความรักมากมายหลายแง่มุมในซีรีส์เรื่องนี้”
คิมยองแด: “ความรัก ทันสมัย สร้างสรรค์ ผมนึกถึง 3 คำนี้”
ชินมินอา: “สนุก แสบ ซื่อตรง”
แฟนๆ ในต่างประเทศตั้งตารอคอยซีรีส์เรื่องนี้ตั้งแต่ประกาศสร้างเลย คุณมีอะไรอยากจะพูดกับพวกเขาบ้าง?
คิมยองแด: “สำหรับแฟนๆ ในต่างประเทศ ผมมั่นใจมากเลยครับว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวัง และตื่นเต้นสมกับที่รอคอยแน่นอน หวังว่าจะมาลองชมและสนุกกับซีรีส์ของเรากันเยอะๆ”
ชินมินอา: “ฉันรู้สึกขอบคุณมากๆ เลย สำหรับความชื่นชอบที่พวกคุณมีต่อซีรีส์เกาหลีและสนับสนุนผลงานของฉันมาตลอด ฉันมั่นใจว่า No Gain No Love จะเป็นซีรีส์ที่ไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน นักแสดงทุกคนตั้งใจทำงานกันอย่างหนักเพื่อซีรีส์เรื่องนี้ หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพวกคุณต่อไปเรื่อยๆ”
ทำการบ้านกันพร้อมแล้ว แฟนๆ มารอติดตามความสนุกของความรักยุคใหม่ได้ใน “No Gain No Love” โดยสามารถรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันจันทร์-อังคาร ซับไทยที่ “Prime Video”..
คอลัมน์ “SeoulStation”
โดย “นูน่าเมี้ยน”