เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร ได้จัดสอบวัดระดับความสามารถภาษาอังกฤษตามกรอบมาตรฐานสากล CEFR (Common European Framework of References for Languages) ของครูและนักเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ 28 ส.ค.-3 ก.ย. 67 โดยได้มีการจัดสอบครูและนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รวมกว่า 30,000 คน

นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกทัศน์การเรียนรู้ และจะช่วยให้เด็กเข้าสู่ความเป็น Global Citizen ได้ กทม.จึงมีแผนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้กับนักเรียนในสังกัด กทม. ผ่าน 3 องค์ประกอบ ได้แก่ การพัฒนาเด็ก การพัฒนาครู และการนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมบูรณาการ

รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา โรงเรียนสังกัด กทม. ไม่เคยมีการสอบวัดมาตรฐานครูและนักเรียนมาก่อน โดยแต่ละโรงเรียนจะออกข้อสอบของตัวเอง จึงไม่มีเกณฑ์กลางในการวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษ แต่การจัดสอบ CEFR ครั้งนี้ เป็นการใช้ข้อสอบมาตรฐานสากลเข้ามาช่วยในการวัดประเมินทักษะทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด ซึ่งมีการแบ่งเกณฑ์ความสามารถเป็น 6 ระดับ และมีเกณฑ์มาตรฐานกำหนดไว้แล้วว่า เด็กแต่ละระดับชั้นควรอยู่ในเกณฑ์ระดับไหน

และการสอบในปีนี้เป็นการจัดสอบทั้งครูผู้สอน และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อให้รู้ว่าทั้งครูและนักเรียนโรงเรียนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานระดับใด ซึ่งจะนำไปสู่การปรับหลักสูตรการสอนและการพัฒนาครูที่เหมาะสมกับแต่ละระดับต่อไป ในยุคนี้ เทคโนโลยีก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าภาษาอังกฤษ กทม. จึงยังมีแผนในการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาร่วมบูรณาการเรียนการสอนในทุกมิติ ซึ่งทั้ง 3 ส่วนที่ กทม. กำลังพัฒนา จะช่วยให้นักเรียนโรงเรียนสังกัด กทม. มีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีขึ้น และมีศักยภาพในการแข่งขันระดับสากลได้แน่นอน

ทั้งนี้ กทม. ได้มีการจัดสอบในโรงเรียนในสังกัด กทม. จำนวน 429 แห่ง มีครูเข้าร่วมสอบ 1,400 คน และมีนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เข้าร่วมสอบ 30,189 คน โดยได้จัดสอบในรอบปกติตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม-3 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นการสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ โดยทดสอบ 4 ทักษะ ประกอบด้วย การอ่าน จำนวน 15 ข้อ จำกัดเวลา 35 นาที, การฟัง จำนวน 15 ข้อ จำกัดเวลา 30 นาที, การพูด จำนวน 2 ข้อ จำกัดเวลา 10 นาที และการเขียน จำนวน 1 ข้อ จำกัดเวลา 15 นาที.