น.ส.แพร ดํารงค์มงคลกุล ผู้อำนวยการประจำ เฟซบุ๊ก ประเทศไทย ของ เมตา เปิดเผยว่า ปัญญาประเดิษฐ์ หรือ เอไอ จะเข้ามามีบาทบาทในการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดย เมตา ได้ลงทุนกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน เอไอ ทั่วทั้งบริษัท โดย 81% ของการลงทุน ได้ถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงแอปพลิเคชันหลักของเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเมสเซนเจอร์ รวมถึงบริการอื่นๆ สำหรับผู้ใช้งาน ครีเอเตอร์ และธุรกิจต่างๆ ได้รับประสบการณ์การใช้งานดียิ่งขึ้นเป็นผู้ช่วยเสมือนจริง โดยคาดหมายว่าภายในสิ้นปีนี้ เมตา เอไอ จะมีผู้ใช้งานอันดับที่ 1 โลก หลังจากเปิดตัวเมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา จากปัจุบันที่มีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มของ เมตา กว่า 3.27 พันล้านคนในทุกวัน เติบโต 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

“ปัจจุบัน เมตา คาดการณ์ว่า ได้มีภาคธุรกิจ ใช้ เจน อไอ ของเมตา มากกว่า 1 ล้านธุรกิจแล้ว โดยการนำมาใช้ในการทำคอนเทนต์  รูปภาพ และการทำแคมเปญการตลาด เพื่อให้การโฆษณามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น สำหรับ เมตา เอไอ ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยส่วนตัว ยังสามารถใช้งานส่วนบุคคล เช่น ช่วยวางแผนอออกกำลังกาย เป็นต้น โดยปัจจุบันได้ให้บริการแล้วใน 22 ปรเทศทั่วโลก และสำหรับภาษาไทยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้เร็วนี้ นอกจากนี้ปัจจุบันเมตา กำลังพัฒนา เอไอ ที่เป็น เน็กซ์ เจน คอมพิวติ้ง แพลตฟอร์ม ด้วย”

น.ส.แพร กล่าวต่อว่า ล่าสุด เมตา ได้จัดงาน เมตา มาร์เก็ตติ้ง ซัมมิท ประจำปี 67 เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทย ผู้ประกอบการและนักการตลาด ใช้โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วย เอไอ ของเมตา ที่จะเข้ามาพลิกโฉมการทำธุรกิจและสร้างการเติบโต เพื่อยกระดับพลังเศรษฐกิจไทยบนเวทีโลก ซึ่งปัจจุบันองค์กรธุรกิจมีการใช้เมสเซนเจอร์ คุยกับลูกค้าจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งอาจจะมีงบประมาณไม่มาก ช่วยสร้างศักยภาพในการเชื่อมต่อกับลูกค้า โดยธุรกิจที่ใช้ เอไอ ของเมตา ช่วยให้ผลตอบแทนการใช้จ่ายค่าโฆษณา สูงขึ้น 22% และแคมเปญ เมตา ช่วยเพิ่มผลตอบแทนการใช้จ่ายค่าโฆษณาถึง 32% และช่วยสามารถช่วยลดต้นทุนต่อการดำเนินการ ได้มากกว่า 9%

นายราฟาเอล แฟรงเคิล ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายสาธารณะของเมตา ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า เมตา เอไอ เป็นการพัฒนาแบบโอเพนซอร์ส ทำให้นักพัฒนาทั่วทุกมุมโลก รวมถึงในประเทศไทย สามารถพัฒนานวัตกรรมและแอปพลิเคชันได้อีกมากมาย และช่วยให้ทุกคนสามารถใช้งานได้อย่างอิสระ และร่วมกันสร้างอีโคซิสเต็มให้เติมโตมากขึ้น สร้างความก้าวหน้าสำหรับธุรกิจและชุมชนทั่วโลกและในไทยด้วย.