นายคุณายุธ เดชอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า เซ็นทรัลพัฒนามีความเชี่ยวชาญใน ‘Physical Space’ ซึ่งจุดแข็งของเรานอกจากจะพัฒนาโครงการใหม่ๆ บนโลเคชั่นศักยภาพแล้ว เรายังคงตอบโจทย์ความต้องการของผู้คนหรือ Consumers อยู่เสมอ ด้วย Forward-Thinking Approach โดยไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แม้ว่าจะมีเทรนด์เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังมีอีกเทรนด์หนึ่งที่สำคัญที่ TrendWatching ได้นำมาแชร์บนเวทีนี้ คือเรื่องของ Human & Interaction เราในฐานะ place maker ยังคงให้ความสำคัญอย่างมากกับ Basic Human Needs ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญของเราอยู่เสมอ ผู้บริโภคยุคใหม่มองหา Deeper Value and Deeper Connection มากขึ้น ธุรกิจจึงครีเอทประสบการณ์ที่ตอบรับ Sophisticated Needs ของผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการขยายโครงการไปที่ย่านและเมืองต่างๆ ทั่วประเทศของเรา การดึง Local Essence ของแต่ละแห่ง สร้าง Local Pride และ Sense of Belonging ในทุกๆ ที่ สะท้อนความเชี่ยวชาญและความเข้าใจลึกซึ้งที่เซ็นทรัลพัฒนามีต่อธุรกิจและผู้คน โดยหลักคิดนี้ กลุ่มเซ็นทรัลยังได้นำไปปรับใช้ในการขยายธุรกิจในระดับโลกด้วย
เปิด 4 กลยุทธ์รับเทรนด์ Future Consumers
1) Embrace Change & Keep Evolving: “We try to meet consumers’ need at the right place and at the right time…” คุณคุณายุธกล่าว จากจุดเริ่มต้นของการบุกเบิก One-Stop Lifestyle Destination ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า สู่การขยายธุรกิจ ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคแบบ Tailor-Made และสร้าง Local Prideผ่านการเชิดชูอัตลักษณ์ท้องถิ่น และประสบความสำเร็จอย่างสูงที่เซ็นทรัล อยุธยา, จันทบุรี, นครสวรรค์ และนครปฐม และการก้าวสู่อนาคตที่ผู้บริโภคมีความต้องการที่ Sophisticated มากขึ้นกับโครงการ “มิกซ์ยูส” ใหม่ๆ ทั่วประเทศ
สำหรับการขยายโครงการในระดับโลกของกลุ่มเซ็นทรัล ยึดหลักการเข้าไปพัฒนาด้วยความ Humble เข้าใจและรับฟังความต้องการของแต่ละ Market ที่มีเอกลักษณ์ในตัวเอง เพื่อเข้าไปเติมเต็มให้สมบูรณ์และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
2) Genuine & Unique Experience: มุ่งเน้นที่การสร้างสรรค์ประสบการณ์ โดยยังคงยึดมั่นในการนำเสนอ Local Essence & Local Pride เพื่อสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและส่งเสริมความภาคภูมิใจในชุมชน เช่น เซ็นทรัล อยุธยา ที่นำเอาอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาเป็นแรงบันดาลใจในงานดีไซน์ พร้อมนำแนวคิด Forward-Thinking และความ Modern เข้ามาผสมผสาน ทำให้โครงการโดดเด่นและแตกต่างจากโครงการต่างๆ ไม่เพียงในประเทศแต่ยังได้รับการยอมรับในระดับโลกอีกด้วย
3) Collaboration for Uniqueness: ธุรกิจในปัจจุบันต้องเผชิญความท้าทายต่างๆ อย่างมาก ที่สำคัญคือ Highly competitiveness in market และ Digital Disruption ในการสร้างความได้เปรียบและความสามารถในการแข่งขัน ธุรกิจต้องเข้าใจสิ่งที่ทำได้ดี และมองหา Partner เราต้อง Work with the best เพราะธุรกิจยุคนี้จะเติบโตคนเดียวไม่ได้อีกต่อไป ดังเช่น การจับมือกันของเซ็นทรัลพัฒนาและดุสิตธานีในการพัฒนา โครงการ ‘ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค’ พร้อมนำเสนอความ Unique จากความเชี่ยวชาญระดับโลกของทั้งสองฝ่ายคือ ‘Retail meets Hospitality’เพื่อสร้างความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ผลักดันกรุงเทพฯ เป็นมหานครระดับโลก
4) Dynamism: ธุรกิจต้องมีความเติบโต และ consumer มีความต้องการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ทำให้เซ็นทรัลพัฒนา สร้างความสำเร็จมาตลอดกว่า 44 ปี คือการสร้างสรรค์วัฒธรรมองค์กร Dynamism ทำให้ Strategy & People ของเรา Keep Evolving สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไม่หยุดยั้ง พร้อมมอบประสบการณ์ที่มีความใหม่และแตกต่าง ขณะเดียวกันก็ผสานความเชี่ยวชาญของพันธมิตรอื่น โดยทั้งหมดนี้เชื่อมโยงกลับไปที่ Brand Purpose ขององค์กรคือ ‘Imagining better futures for all’ อีกด้วย