เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ดร.ภญ.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวถึง “สูตรยาดอง” ว่า เป็นวิธีสกัดสารสำคัญออกจากตัวยาสมุนไพร มีหลายรูปแบบ เช่น การดองเค็ม การดองเปรี้ยว การดองน้ำผึ้ง และการดองเหล้า ซึ่งการดองเหล้าถือเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้าน ด้านการดองยาที่นิยมที่สุด เป็นการพึ่งตนเองด้านสุขภาพของชุมชน โดยชุมชนมีความรู้ความสามารถในการกลั่นเหล้าเอง แต่เมื่อมีการผูกขาดเรื่องการผลิตเหล้า ทำให้ความรู้เรื่องการกลั่นเหล้าสูญหายต้องพึ่งพิงจากข้างนอก และเหล้าก็มีราคาแพง จึงมีการลักลอบผลิตด้วยความไม่รู้จนเป็นปัญหา และมักเกิดในสังคมชนชั้นระดับล่าง ซึ่งมาจากต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ในอดีตมีสูตรในการดองสมุนไพรโดยหมอพื้นบ้านที่มีความรู้เรื่องตำรับยา มีความรู้เรื่องชนิดของสมุนไพรที่ใช้ ส่วนใหญ่ยาดองจะมีสรรพคุณในการบำรุงกำลัง เป็นสิ่งที่ยาฝรั่งไม่มี วัฒนธรรมดั้งเดิมนั้น กินเหล้าก็คือกินเหล้า เป็นสันทนาการล้วนๆ ส่วนการดื่มยาดองเหล้า เน้นการกินเพื่อเป็นยา กินเป็นเป๊ก ไม่ได้ดื่มเพื่อหวังความมึนเมาเป็นหลัก แต่ก็อาจจะมีอาการมึนเมาได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในระยะหลังเกิดการล่มสลายของภูมิปัญญา การสูญหายของทรัพยากรป่ายา ไม่มีการต่อยอด หมอยาก็หายไป แต่ทำให้ชาวบ้านกลั่นเหล้าเองไม่เป็น การดองเหล้าก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้จักสมุนไพรดีพอ แต่ตำรับยาดองมีอยู่ในตำรา แล้วมีคนเอาไปทำเองและนำไปขายส่ง ซึ่งไม่รู้เลยว่า สมุนไพรที่ใช้ถูกต้องหรือไม่ เรียกว่าคนทำไม่รู้ ทำให้มีความน่ากลัวตั้งแต่ 1. เหล้าที่เอามาทำ ปลอดภัยหรือไม่ 2. สมุนไพรที่ใช้ อาจจะไม่ใช่สมุนไพรที่ใช้สำหรับดองเหล้า รวมถึงสูตรการผสมอาจจะทำไม่ได้สัดส่วน 3. อาจจะมีการใส่สารอะไรเพิ่มเข้าไปด้วยความไม่รู้ หรือด้วยความไม่ปรารถนาดี อย่างเช่นก่อนหน้านี้พบว่ามีการนำยาฆ่าหญ้ามาใส่เพื่อให้เหล้าแรงขึ้น เมามากขึ้น ก็ทำให้เกิดอันตราย 4.ผู้ดื่มอาจจะมีโรคประจำตัวบางอย่างและกำลังรับประทานยาบางอย่าง ซึ่งยาดองก็อาจจะไม่ถูกกับโรคประจำตัว หรือยาที่ผู้ดื่มใช้อยู่ เพราะฉะนั้น ถ้าคนทำ คนกินไม่มีความรู้ จะเป็นอันตราย

ภาพยาดองจากมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอัยภูเบศร

ดังนั้นกรณียาดองเหล้าที่มีปัญหาพบสารเมทิลแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นอันตราย มีผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตอยู่ในขณะนี้ ตนอยากให้มีการศึกษา บอกมาให้หมดว่า ใส่อะไรลงไปบ้าง เพื่อให้สังคมเรียนรู้ร่วมกัน มีการคืนความรู้ภูมิปัญญาให้กับประชาชนได้ทราบตั้งแต่รากฐาน การเตรียมสมุนไพรดั้งเดิม อย่าปล่อยให้มีการทำลายภูมิปัญญาดั้งเดิม จนทำให้ยาดองกลายเป็นสิ่งเลวร้าย ทุกวันนี้เราเองยังเลิกขายเหล้าไม่ได้ เมื่อเลิกไม่ได้ก็ต้องให้ความรู้ ยาดองก็เช่นกัน เพราะมันมีวิถีชีวิต การพึ่งพาตนเอง วัฒนธรรม

“วันนี้บริบททางสังคมเปลี่ยนไป องค์ความรู้ที่หายไป เกิดการผูกขาด แล้วระบบสาธารณสุขไม่ได้ส่งเสริมความรู้พื้นบ้านจริงๆ แต่ขณะเดียวกัน รากของวัฒนธรรมก็ยังไม่จางหาย คนยังมีความต้องการในการกินยาดอง หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่ดี ความทุกข์ยากในการเผชิญในแต่ละวัน อาจจะทำให้เขาถวิลหาในสถานการณ์ของชีวิตที่ยากลำบาก คนชนบทจน เปลี่ยนมาอยู่ในเมือง แต่ยังอิงกับวัฒนธรรมในบริบทของวิถีชุมชนหายไป แม้ตอนนี้ถ้าเปิดให้ทำเหล้าเองใหม่ ก็จะเกิดความผิดพลาดอีก เนื่องจากความรู้ความสามารถถูกทำให้หายไป ดังนั้นต้องคืนอำนาจความรู้ภูมิปัญญาให้ประชาชน” ดร.ภญ.สุภาภรณ์ กล่าว

ดร.ภญ.สุภาภรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาเมทานอล อยากให้มีการวิจัยอย่างจริงจังในการใช้สมุนไพรรางจืดในการล้างพิษเมนานอล เพราะมีการศึกษาวิจัยเบื้องต้นพบว่า จะช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายที่ได้รับพิษ โดยกลไกการลดการเกิดไลปิดเปอร์ออกซิเดชั่น ซึ่งเป็นปัญหาจากพิษของเมทานอลที่เป็นต้นเหตุให้เซลล์ตาย.