ดราม่าวงการฟุตบอลไทย มาแบบเต็มๆ เมื่อมีสื่อมวลชนรายหนึ่ง เกิดวิวาทะทางโลกโซเชียล เหน็บ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน โฆษก และสภากรรมการสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ระบุว่า เป็นโฆษก หรือตัวตลก หรือหุ่นเชิด ก่อนที่ เดอะตุ๊ก จะโพสต์ตอบว่า เขาไม่ใช่ตัวตลก หรือหุ่นเชิดของใคร

ประเด็นดังกล่าว สืบเนื่องจากแถลงการณ์จากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 ส.ค. 67 ถึงประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัย เรื่องการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินที่ไม่ผ่านการทดสอบร่างกาย แต่มีชื่อทำหน้าที่ VAR/AVAR ซึ่งข่าวนี้ อ้างการให้ข่าวจาก “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ อ้างอิงหลักเกณฑ์ของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ระบุไว้ว่า ผู้ตัดสินที่จะทำหน้าที่ VAR/AVAR ไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบร่างกาย เนื่องจากผู้ตัดสินบางรายอาจจะมีอาการบาดเจ็บ และไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในสนามแข่งขันได้ แต่ยังสามารถทำหน้าที่ VAR/AVAR ได้ ซึ่งกรณีนี้ ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ตัดสิน สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในการประชุมครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 67

แซะแรงโฆษกหรือตัวตลก-หุ่นเชิด
จากนั้น ช่วงเย็นวันที่ 27 ส.ค. 67 สื่ออาวุโสบอลไทย บุคคลหนึ่ง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เป็นโฆษก หรือจะเป็นตัวตลก หุ่นเชิด อ้างระเบียบฟีฟ่าว่า ผตส.ที่วิ่งทดสอบร่างกายไม่ผ่านสามารถมานั่ง VARได้ ว่างๆ ไปถามเพื่อนเลิฟอดีตฟีฟ่านะครับว่า ฟีฟ่า เขาระบุแบบนั้นหรือไม่ เท่าที่รู้ เขาให้คนที่ทดสอบผ่าน แต่เมื่อได้รับบาดเจ็บ เขาก็ให้มานั่ง VARไปพลางๆ เพราะทั้งฟีฟ่า หรือเอเอฟซี ผตส.ที่จะทำหน้าที่ใดๆ ในแมตช์แข่ง ต้องทดสอบสมรรถภาพผ่านเกณฑ์เท่านั้น”

เพจ “แตงโมลงฯ” ก็สวนเดือด
ไม่นานจากนั้น ในวันเดียวกัน เฟซบุ๊กแฟนเพจ “แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง” ได้โพสต์ข้อความดังกล่าว พร้อมระบุว่า “เห็นนักข่าวท่านหนึ่ง post แบบนี้ ขออนุญาต ถามว่าเป็นนักข่าว หรือ นักแซะ หรือ ว่าผลประโยชน์ เรื่อง ฟุตซอล ไม่ลงตัวเลย ออกมาดิ้น เหมือน แมวถูกน้ำร้อน เห็นแล้ว ได้แต่คิด อย่าแก่แล้วแก่เลย เหลือให้เด็กรุ่นหลังเคารพ บ้างก็ดี โถ่ พ่อคนดี ไม่มีแผล ถ้าอยากแนะนำ ก็เอาหลักฐานมาอธิบาย ชี้แจงแทนดีกว่าครับ หรือ อยากเป็นโฆษก ไหมจ๊ะ พ่อคนดี!! ใครอยากเป็น นายก ฉันน่ะสิๆ”

สำหรับช่องทางโซเชียล “แตงโมลง ปิยะพงษ์ยิง” ได้รับความนิยมจากแฟนบอลอย่างมาก ในลำดับต้นๆ ของสื่อฟุตบอลไทย ดูแลโดย “แตงโม” พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน ลูกชายของ “เดอะตุ๊ก” ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ ปิยะพงษ์ จะมาแสดงความเห็นเรื่องราวต่างๆ เป็นระยะๆ ก่อนจะเฟดออกไป ในช่วงที่มาทำหน้าที่สมาคมลูกหนังไทย

สื่อท้ามาตรวจเรื่องผลประโยชน์
ความระอุทางโซเชียลเริ่มหนักขึ้น เมื่อสื่ออาวุโส ก็ตอบโต้ในเฟซบุ๊ก เมื่อช่วงสายวันที่ 28 ส.ค. อีก ใจความว่า มีพรรคพวกส่งมาให้ดู ว่ามีเพจดังยูทูบชื่อดัง มาตามดูเฟซบุ๊กตนเอง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง กับอดีตสื่อมวลชนตัวเล็กๆ การทำงานสื่อของตนในอดีตคือการหาข้อมูลให้ถูกต้องก่อนกลั่นกรองออกมาในหน้าสื่อ วันนี้แม้ไม่มีหัวโขน ก่อนโพสต์เรื่องราวผมก็ต้องหาข้อมูลให้ดีก่อน เช่นกัน “โฆษก” ก็ดี คนทำงานสมาคมกีฬาก็ดี ก่อนจะแถลงอะไรต่อสาธารณะจึงสมควรต้องตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง เพราะมิฉะนั้นจะทำให้สังคมเข้าใจผิด

พร้อมกันนี้ ยังท้าว่า ช่วยทำคลิปมาหาข้อมูลมาแฉตนเองหน่อย ว่าเสียผลประโยชน์ในวงการฟุตซอลอย่างไร พร้อมขอฝาก เรื่องตรวจสอบจริยธรรมของสภากรรมการ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ตั้งข้อสงสัยเรื่องบางคนรับเบี้ยเลียงเหมาจ่ายรายเดือน

“ตุ๊ก” ออกโรงผมไม่ใช่ตลก-หุ่นเชิด
กระทั่ง ช่วงบ่ายวันที่ 28 ส.ค. ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ก็โพสต์บ้าง ระบุว่า “ขออนุญาตใช้พื้นที่เพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงครับตามที่ผู้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ได้กรุณากล่าวถึงโฆษกสมาคมฟุตบอลฯ ว่าเป็นตัวตลกและหุ่นเชิด และได้ให้ความกรุณาให้ข้อคิดถึงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินในการตัดสินห้อง VAR/AVAR ว่าต้องผ่านการ test ร่างกายก่อนนั้น”

“ทางสมาคมฟุตบอลฯ ได้นำเสนอข่าวออกสื่อต่างๆ ไปหมดแล้ว และผมได้สอบถามคณะกรรมการผู้ตัดสินได้แก่ อ.โสภณ มหาบุญ, อ.ปรีชา กางรัมย์ รวมทั้งตามที่ท่านได้กรุณาแนะนำให้ผมไปสอบถามเพื่อน love อดีตฟีฟ่านั้น ผมขออนุญาตกราบเรียนว่าได้สอบถามทั้งหมดแล้ว ทุกท่านบอกตามที่สมาคมฟุตบอลฯได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวถูกต้องแล้วครับ”

“จึงนำเรียนให้ท่านผู้ทรงคุณวุฒิได้รับทราบครับและถ้ามีเรื่องใดๆ ในวงการฟุตบอลที่ยังสงสัยหรือคลางแคลงใจสามารถโทรฯ หาผมโดยตรงได้เลยครับ จะได้เข้าใจถูกต้องตรงกันครับ”

“และผมขออนุญาตท่านว่าผมไม่ได้เป็นตัวตลก หรือ หุ่นเชิดของใครครับอยู่ในวงการฟุตบอลมาทั้งชีวิต เพราะฝีเท้าและความรู้ความสามารถครับ ต้องการพัฒนาฟุตบอลไทยอย่างจริงใจครับ ปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้นครับ”

“ผมขอขอบพระคุณท่านที่ให้ความกรุณาเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของสมาคมฟุตบอลฯ ครับ ผมขอเชิญชวนทุกคนทุกท่านมาร่วมกันพัฒนาฟุตบอลไทยไปด้วยกันครับ เพราะมันเสียเวลามาพอสมควรแล้วครับ กราบขอบพระคุณทุกคนทุกท่านด้วยครับ”