จากกรณีนายชัยธวัฒน์ กีรติรัตน เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ได้รุดเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ธีระพันธ์ สุนทรวิภาต รองสว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ว่า ได้มีคนร้ายโทรไลน์มาหาตนและภรรยาแจ้งว่าได้ลักพาตัวลูกชาย อายุ 17 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ย่าน อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จากหน้าหอพัก ขณะนี้ได้นำตัวไปขังไว้ที่ฝั่งประเทศกัมพูชา ต้องการค่าไถ่ตัวเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาทตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ส.ค.พ.ล.ต.ต.สุชาติ คล้ายจันทร์พงษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวนสภ.เมืองชัยภูมิได้รับแจ้งนายชัยธวัฒน์  กีรติรัตน เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองชัยภูมิ ได้เร่งตรวจสอบการใช้โทรศัพท์พบว่าลูกชายนายชัยธวัฒน์ มีการใช้โทรศัพท์อยู่ในประเทศกัมพูชา ต่อสายพูดคุยกับพ่อแม่ตลอดเวลา ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิจะประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อรัญประเทศได้เร่งหาข้อมูล ลูกชายอยู่ในประเทศกัมพูชา

แก๊งคอลฯ เหิมอุ้มลูกชายเลขานายกเทศมนตรี ข้ามฝั่งเขมรขังตึกเรียกค่าไถ่ 2 ล้าน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อรัญประเทศได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศกัมพูชาให้ติดตามหาตัวลูกชายนายชัยธวัฒน์ จนพบ และได้นำตัวกลับมากักตัวไว้ที่ด่านตม.ประเทศกัมพูชา ก่อนเปรียบเทียบปรับหลบหนีเข้าเมือง รอส่งมอบให้กับตำรวจประเทศไทยในวันที่ 28 สิงหาคม2567

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าลูกชายนายชัยธวัฒน์ ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และให้เดินทางมาหาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ด่านชายแดน อ.อรัญประเทศ เมื่อได้เหมารถเท็กซี่เดินทางมาถึงชายแดน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ ให้ลูกชายนายชัยธวัฒน์  เดินทางผ่านช่องทางธรรมชาติ เข้าไปในประเทศกัมพูชา ก่อนจะให้ซื้อซิมมือถือเบอร์ใหม่ เพื่อติดต่อกับพ่อแม่ผู้ปกครองให้นำเงินมาไถ่ตัว จำนวน 2 ล้านบาทดังกล่าว หลังนายชัยธวัฒน์  ได้เข้าแจ้งความขอความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบจังหวัดชัยภูมิได้ประสานงานและติดตามตัวลูกชายของนายชัยธวัฒน์  กลับคืนสู่ประเทศได้ได้อย่างปลอดภัย จึงอยากเตือนประชาชนอย่าได้หลงเชื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวด้วย