ที่นี่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังมีเรื่องราวอันน่าพิศวงที่รอให้คุณค้นหา พื้นที่แห่งนี้เป็นภูเขาหินปูนที่มีอายุเก่าแก่ถึง 245-286 ล้านปี โดยมีโพรงถํ้าที่เกิดจากการกัดเซาะตามกาลเวลา
การเริ่มต้นการผจญภัยในเส้นทางศึกษาธรรมชาติของหุบป่าตาดจะพาคุณผ่านโถงถํ้าที่มืดมิด ซึ่งต้องใช้ไฟฉายเพื่อส่องดูค้างคาวที่อาศัยอยู่ในนั้น พอคุณเดินต่อไปจนถึงปลายทาง คุณจะพบกับแสงสว่างที่เปิดเผยให้เห็นป่าดิบชื้นที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและความงดงามที่เหมือนย้อนกลับไปในยุคจูราสสิก ตลอดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ คุณจะได้พบกับพรรณไม้ที่หลากหลาย เช่น ต้นตาด, เต่าร้าง, เปล้า, ยางนา, เฟิร์นหลายชนิด และต้นมอส ซึ่งทั้งหมดนี้เจริญเติบโตในป่าดงดิบที่มีความชื้นสูงและแสงสว่างน้อย
ในวันที่ไปมีฝนตกเล็กน้อยทำให้เส้นทางการเดินค่อนข้างลื่น แต่จะทำให้ได้สูดกลิ่นของความชื้นในป่าและฟังเสียงธรรมชาติที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ระหว่างเส้นทางการเดินสังเกตสองข้างทางดี ๆ คุณอาจพบ กิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์หายากที่พบได้เฉพาะที่หุบป่าตาดในช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤศจิกายน ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาด ใครที่โชคดีพบเจอสามารถถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก แต่ควรระวังอย่าไปจับ เพราะมันมีพิษร้ายแรง
หุบป่าตาดเหมาะสำหรับการท่องเที่ยวกับครอบครัว เนื่องจากเส้นทางไม่ชันเกินไปและมีจุดแวะพักตลอดทาง ที่นี่มีธรรมชาติที่สมบูรณ์งดงาม และมีถํ้าที่เด็ก ๆ สามารถเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศและลักษณะทางธรณีวิทยาได้ ใครมาท่องเที่ยวในวันเสาร์หรืออาทิตย์ จะได้พบกับน้อง ๆ มัคคุเทศก์ท้องถิ่นจากโรงเรียนในจังหวัดอุทัยธานี มาช่วยนำทางและให้ความรู้เกี่ยวกับหุบป่าตาด
การท่องเที่ยวที่ยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นควรเคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบ เช่น การเก็บขยะนำกลับไปทิ้ง การหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือให้อาหารสัตว์ป่า และไม่เก็บวัสดุธรรมชาติ เช่น หิน ดิน ทราย หรือใบไม้กลับบ้าน เพื่อให้คนรุ่นหลังได้สัมผัสกับความงามที่แท้จริงของธรรมชาติเหล่านั้นอย่างยั่งยืน
เรียนรู้ ค้นหาประสบการณ์ใหม่ ๆ และช่วยกันรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่ออนาคตยั่งยืน.