เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 27 ส.ค. 67 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานในพิธีเปิดการเสวนาทางวิชาการ เนื่องในโอกาสวันสถาปนามหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ครบ 46 ปี ในหัวข้อ “อาหาร ศรัทธา พัฒนาครอบครัว” ณ ห้องพระปกเกล้า อาคารเอนกนิทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช 

นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า อาหารนับเป็นความมั่นคงพื้นฐานของประเทศ และตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยก็มีความอุดมสมบูรณ์มั่นคงทางอาหาร ไม่ว่าเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ โรคอุบัติใหม่ หรือภัยพิบัติต่าง ๆ คนไทยไม่เคยต้องขาดแคลนอาหาร ซึ่งทุกรัฐบาลก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ไม่มีวันปล่อยให้คนไทยอดอาหาร นอกจากนี้ อาหารยังถือเป็น Soft Power ที่สำคัญของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตจากภาคเกษตรกรรม อาหาร ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรือจากภาคอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นอีกรากฐานให้เศรษฐกิจเข้มแข็ง ซึ่งทั่วโลกทราบดีว่าอาหารไทยเป็นอาหารที่มีคุณภาพ

“สมัยผมเป็น รมช.พาณิชย์ มีโอกาสไปเจรจาต่อรองกับ WTO และประเทศคู่ค้า ทุกคนต่างรู้ว่าประเทศของเราเป็นประเทศที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมอาหารเป็นอย่างมาก อาจกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจทางอาหาร และการสาธารณสุข เพราะอาหารเรามีคุณภาพและโภชนาการที่ดี ประกอบกับปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอาหาร ที่สามารถผลักดันให้ผลิตสินค้าที่มีมาตรฐานและมีคุณค่าทางโภชนาการได้มากขึ้น ไม่ว่านักประดิษฐ์ นักพัฒนาทั่วโลก จะคิดค้นจรวดไปดวงจันทร์ หรือต่อยอดพัฒนา AI แต่ที่สุดแล้วจุดเริ่มต้นทุกอย่างคืออาหาร ที่จะช่วยให้มนุษย์ได้มีศักยภาพที่จะพัฒนาความรู้ต่าง ๆ ได้” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวว่า แนวโน้มหลักที่กำลังจะเกิดขึ้นกับไทยและอีกหลายประเทศไทย คือ สังคมสูงอายุ  (Aging society) ซึ่งการพัฒนาทั้งระบบสาธารณสุข และสินค้าอาหารที่มีคุณภาพ จะมีส่วนสำคัญในการดูแลสภาพสังคมที่คนไทยอายุยืนขึ้น ลูกหลานจะไม่มองว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เป็นภาระ เพราะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ เนื่องจากการกินที่ดี และรู้จักวิธีดูแลสุขภาพ ดังนั้นในอนาคตอุตสาหกรรมอาหารจึงต้องคำนึงถึงคนทุกเพศทุกวัย เช่นวันนี้ต้องการแคลเซียม วัยนี้ต้องการอาหารที่บำรุงร่างกายเพื่อการเจริญเติบโต หรือสารอาหารที่บำรุงสายตา บำรุงสมอง ทำให้มีชีวิตที่มีคุณภาพ อายุขัยของคนไทยจะต้องถูกขยายให้ยาวนานขึ้น

นายอนุทิน กล่าวทิ้งท้ายว่า ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับการร่วมสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมอาหาร เพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงส่งเสริมอัตลักษณ์ประเทศ ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางมาที่ประเทศไทย โดยขอเน้นย้ำว่า ทุกคนคนสามารถมีส่วนช่วยกันทำให้อาหารในประเทศมีมาตรฐานปลอดภัย ซึ่งส่วนของกระทรวงมหาดไทย มีความเกี่ยวข้องเชิงนโยบายในระดับพื้นที่ มีกลไกผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้มีส่วนร่วมในการพัฒนายกระดับอาหารให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่ทรงพลังของประเทศต่อไป.