เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการลักลอบผลิต บริโภค และอันตรายของเหล้าเถื่อน และให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ที่ประชุมมีการรายงานสถานการณ์ผู้ป่วยได้รับสารพิษเมทานอล หลังดื่มสุราปลอม ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.-26 ส.ค. นี้ มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 28 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 2 ราย ส่วนที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น มีอาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 13 ราย ฟอกไต 18 ราย และต้องปั๊มหัวใจ 6 ราย ตาพร่ามัว 14 ราย แต่ที่ยืนยันชัดเจนแล้วว่าตาบอดถาวรมี 1 ราย ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยว ได้เร่งลงพื้นที่สำรวจจุดจำหน่าย ทั้ง 9 แห่ง ในเขตคลองสามวา โซนกรุงเทพตะวันออกกลาง พร้อมค้นหาผู้สัมผัสร่วมวงยาดองที่หทัยราษฎร์ 33 พบผู้สัมผัสร่วมวงในชุมชนอีก 3 ราย แต่ไม่มีอาการทั้ง 3 ราย

“หากมีอาการปวดท้อง ปวดหัว ตาพร่ามัว มองไม่เห็น ซึ่งในทางการแพทย์ สันนิษฐานว่า สิ่งที่ดื่มไม่ได้ทำมาจากแอลกอฮอล์ปกติ ดังนั้น หากใครบริโภคเข้าไป ก็ให้รีบพบแพทย์ทันที เพราะการดื่มสุราปลอม จะมีอาการหลังดื่ม 24-48 ชั่วโมง อาจทำให้ผู้ดื่มไม่รู้ตัว” นายสมศักดิ์ กล่าว

นพ.เกรียงไกร นามไธสง ผอ.นพรัตนราชธานี กล่าวรายงานที่ประชุมหารือแนวทางการป้องกันปัญหาการลักลอบผลิต บริโภค และอันตรายของเหล้าเถื่อน ว่า ขณะนี้มีรายงานผู้ป่วยจากพิษเมทานอลที่ผสมในยาดอง ว่า มีผู้ป่วยสะสม 28 ราย เสียชีวิตสะสม 2 ราย ในส่วนของ รพ.นพรัตน์ ตอนนี้รับผู้ป่วย 16 ราย อาการหนัก 12 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ ทั้งนี้มี 2 รายอาการหนักมากเสี่ยงที่จะเสียชีวิต ส่วนปัญหาการมองเห็นในส่วนของคนป่วยที่ รพ.นพรัตน์ ยังตรวจไม่ได้ว่าดวงตา คุณภาพการมองเห็นเป็นอย่างไร แต่มี 1 คน ที่อยู่ระหว่างการรักษาที่ รพ.นวมินทร์ ค่อนข้างชัดเจนว่าตาบอดถาวร

“เชื่อว่าช่วง 1-2 วันนี้ อาจจะยังมีคนไข้เข้ามาต่อเนื่อง แต่อาจจะมีจำนวนลดลง ซึ่งหลังดื่มเข้าไปแล้ว จะเกิดผลกระทบต่อร่างกายภายใน 24-48 ชั่วโมง เพราะบางคนซื้อไปเก็บไว้เพื่อรับประทาน” ผอ.รพ.นพรัตน์ กล่าว

ด้าน ว่าที่ร้อยตรี ยงยุทธ ภูมิประเทศ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าร้านยาดองมีการสั่งซื้อเหล้ามาจากนายสุรศักดิ์ อินสาม ซึ่งเป็นร้านที่อยู่เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ และตรวจสอบพบว่าในเหล้ามีการผสมสารเมทานอลจำนวนมาก และสอบสวนพบนายสุรชัย อินสาม ซึ่งเป็นน้องชายของนายสุรศักดิ์เป็นผู้นำไปขายให้กับร้านยาดอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 153 พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 และส่งตัวให้พนักงานสอบสวนที่ สน.บางชัน เพื่อดำเนินการ จากนั้นขยายไปไปยังร้านยาดองอีก 18 แห่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีจำหน่ายสุราโดยไม่รับอนุญาตตามมาตรา 155 ข้อหาทำการเปลี่ยนแปลงสุราผิดมาตรา 158 และผู้ซื้อ ซื้อสุราไปก็ผิดมาตรา 192

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของซุ้มยาดองนั้น ทางสรรพสามิตไม่ได้มีการออกใบอนุญาตให้ขาย จะถือว่ามีความผิด ปกติสุราที่กรมสรรพสามิตจะออกใบอนุญาตให้จำหน่ายได้ ต้องมีการส่งมาตรวจแล็บของกรมฯ ก่อนว่ามีส่วนผสมปลอดภัยผ่านเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่ ซึ่งรวมถึงสุราชุมชน ภูมิปัญญาชาวบ้าน เมื่อออกใบอนุญาตให้จำหน่ายได้ มีการเสียภาษีถูกต้อง จะมีอากรติดที่ขวดเท่านั้น ยาดองตามซุ้มริมถนนทาง ไม่เคยมีการออกใบอนุญาตให้จำหน่าย จึงถือเป็นสินค้าผิดกฎหมายอยู่แล้ว ที่ผ่านมาได้มีการออกตรวจซุ้มยาดองที่ลักลอบจำหน่ายสุราไม่ได้รับอนุญาตมาต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566-ปัจจุบัน ได้ทำการจับกุมดำเนินคดีแล้วกว่า 200 คดี ดังนั้นเพื่อให้มั่นใจว่า สุราที่ดื่มใช้เอทานอล เกรดสำหรับอาหารและยา ไม่ได้ใช้เมทานอล เกรดอุตสาหกรรมที่ดื่มไม่ได้ อาทิ การนำไปผมสสี ดูได้จากการบรรจุขวดติดอากรอย่างถูกต้อง

นพ.ไผท สิงห์คำ ผอ.สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) กรมควบคุมโรค กล่าวว่า สปคม. ร่วมกับกองระบาดวิทยา ประสานหน่วยงานในสังกัด กทม. คือ สำนักอนามัย ศูนย์บริการสาธารณสุข ทำงานร่วมกับศูนย์อีโอซีที่ รพ.นพรัตน์ ซึ่งจากที่ได้รับรายงานว่ามีการส่งยาดองไปใน 4 เขตของ กทม. รวม 18 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค. เป็นต้นมา ว่าหากมีอาการให้รีบมาพบแพทย์ ถ้ายังไม่ได้ดื่ม ก็ขอว่าอย่าดื่ม เบื้องต้นประสานทาง กทม. ร่วมกับชุมชน แจ้งเตือนไปยังประชาชนใน 4 เขตดังกล่าว ที่อาจจะยังไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารให้ไม่ให้ดื่ม ให้เททิ้ง

เมื่อถามว่า นอกจากซุ้มยาดองใน กทม. ที่ระบุแล้ว ยังมีร้านเหล้า หรือซุ้มยาดองจังหวัดดอื่น ที่รับซื้อเหล้าจากชาย 2 คน ที่เป็นผู้ผลิตเหล้าปลอมผสมเมทานอลหรือเพิ่มหรือไม่ นพ.ไผท กล่าวว่า ซุ้มยาดองตอนนี้ที่มีรายงานคือ 18 แห่งใน กทม. แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อ อาจจะมีคนที่ซื้อยาดองดังกล่าวแล้วหิ้วไปตามจังหวัดใกล้เคียงได้ ดังนั้นทางกรมควบคุมโรค จึงขีดเส้นพื้นที่เสี่ยงเพิ่มเติมคือ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา และนครนายก เพื่อให้มีการตรวจสอบเฝ้าระวังด้วย โดยในส่วนนี้ทางกรมสรรพสามิตจะเป็นผู้ติดตาม

นพ.ไผท กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนโรค พบว่าผู้ป่วยที่เข้า รพ. ส่วนหนึ่งเป็นลูกค้าร้านยาดองเหล่านี้อยู่แล้ว มีการดื่มเป็นประจำ ซึ่งการดื่มเป็นประจำอาจทำให้มีปัญหาการทำงานของตับไม่ดีอยู่ก่อนด้วย แล้วพอดื่มเหล้าปลอมเข้าไปเลยยิ่งมีปัญหา ซึ่งเราพบว่าลักษณะการดื่มมีความหลากหลาย ส่วนใหญ่จะดื่มมากกว่า 1 แก้ว (แก้วเป๊ก) และจากข้อมูลการสอบสวนโรคยังพบว่า ร้านยาดองเหล้านี้เพิ่งจะมีการปรับสูตรใหม่ และเกิดปัญหาตามมา โดยส่วนหนึ่งให้ข้อมูลว่ามีการซื้อเหล้ามาจากร้านของผู้ต้องหา 2 ราย ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับข้อหาทำเหล้าปลอม บางส่วนให้ข้อมูลว่า มีการซื้อเหล้ามาจากร้านอื่น ก่อนจะมาปรับสูตรใหม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม.