นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่าสถิติการนำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ ตั้งแต่ปี 61 จนถึงปัจจุบัน มีการจดทะเบียนไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจทั่วประเทศเพียง 22 จังหวัด และมีผู้นำไม้ยืนต้น จดทะเบียนสัญญาเป็นหลักประกันธุรกิจแล้ว 154,470 ต้น มูลค่ารวม 145 ล้านบาท มีประเภทไม้ยืนต้นที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ เช่น มะขาม มะกอกป่า สะเดา มะม่วง ยาง สัก ขนุน ยูคาลิปตัส ไม้สกุลทุเรียน เป็นต้น
ทั้งนี้ มีเกษตรกร และประชาชนทั่วไป นำไม้ยืนต้นมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อทั้งสิ้น 22 จังหวัด ประกอบด้วย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุทัยธานี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ ร้อยเอ็ด เลย ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชุมพร พังงา และพัทลุง อย่างไรก็ตามในภาคเหนือเพียง 4 จังหวัดคือ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย และอุทัยธานี ซึ่งยังขาดเชียงราย
ดังนั้น กรม และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนสร้างความรู้ความเข้าใจให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปเห็นถึงความสำคัญของการปลูกไม้ยืนต้นบนที่ดินของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ
นางอรมน กล่าวว่า ในกิจกรรมส่งเสริมหลักประกัน สานฝันธุรกิจไทย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม วัดพระธาตุจอมแว่ จ.เชียงราย โดยร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจและโครงการธนาคารต้นไม้ลงพื้นที่ เพื่อเสริมความรู้เรื่องกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจแก่เกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งรายละเอียดการนำไม้ยืนต้นที่ปลูกในพื้นที่มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อกับ ธ.ก.ส. ทั้งการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับโครงการธนาคารต้นไม้ และการเสวนาหัวข้อ ไม้ยืนต้น หลักประกันทางธุรกิจ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม