นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ได้สั่งการให้สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ติดตามผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยของโบราณสถานในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.น่าน ที่เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ได้มีน้ำไหลเข้าท่วมหลายพื้นที่ในพื้นที่อำเภอเมือง ซึ่งมีวัดและโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เบื้องต้นพบว่า น้ำได้ไหลท่วมพื้นที่วัดภูมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดหัวข่วง วัดมิ่งเมือง ข่วงเมืองน่าน คุ้มเจ้าราชบุตร วัดกู่คำ สูงกว่า 20 เซนติเมตร จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ โดยในส่วนของภาพจิตรกรรมปู่ม่านย่าม่าน หรือ “กระซิบรักบันลือโลก” ภายในวัดภูมินทร์ ไม่ได้รับกระทบ รวมถึงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ที่องค์พระธาตุไม่ได้รับผลกระทบ แต่ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ประสานการทำงานกับจังหวัดและหน่วยงานท้องถิ่น ป้องกันติดตามสถานการณ์หากมีมวลน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างใกล้ชิด ส่วนพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่จะมีน้ำไหลลงมาหลังจากนี้ ได้กำชับให้เตรียมพร้อมตามมาตรฐานป้องกันอุทกภัยเช่นเดียวกัน
ด้านนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผอ.กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพื้นที่พบว่า น้ำอยู่ในระดับทรงตัว โดยที่โบราณสถานวัดภูมินทร์ ภาพจิตรกรรมไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังได้มีการซ่อมแซมและผนึกภาพไว้แล้วเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ที่น่าห่วงคือกรณีน้ำที่ซึมลงใต้ดิน จะเป็นปัจจัยเร่งทำให้องค์พระประธานจตุรทิศ ที่ก่อนหน้าที่มีผิวทองระเบิดเป็นรอยแยกความชื้นดังกล่าวจะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิดความเสียหาย นอกจากนี้ ยังสำรวจพบน้ำท่วมโบราณสถานวัดหนองบัว อ.ท่าวังผา ที่มีจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารไทลื้อ หนานบัวผัน เบื้องต้นภาพจิตรกรรมยังไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังได้บูรณะเสริมความมั่นคงและผนึกภาพจิตรกรรมตามหลักการบูรณะของกรมศิลปากรไว้แล้ว ซึ่งหลังจากน้ำลด เจ้าหน้าที่จะเข้าไปสำรวจความเสียหายอีกครั้ง