สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ว่า นายโอลอฟ กิลล์ โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กล่าวถึงการที่จีนดำเนินการสอบสวนมาตรการทุ่มตลาด กับผลิตภัณฑ์นมซึ่งนำเข้าจากสหภาพยุโรป (อียู) ครอบคลุมระยะเวลา 1 ปี แต่สามารถขยายระยะเวลาได้นานสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน ว่าคณะกรรมาธิการ “พร้อมดำเนินการเพื่อปกป้อง” อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นม และนโยบายเกษตรร่วมของสหภาพ

เกี่ยวกับการกำหนดกำแพงภาษีเพิ่มเติม สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีน โฆษกอีซีกล่าวว่า เป็นการดำเนินการตามแนวทางขององค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ทุกประการ


ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนไม่เพียงสอบสวนมาตรการทุ่มตลาดดังกล่าวของอียู ที่อยู่ภายใต้นโยบายเกษตรร่วม แต่ยังรวมถึงนโนบายอุดหนุนของรัฐบาลไอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม อิตาบี โครเอเชีย ฟินแลนด์ โรมาเนีย และสาธารณรัฐเช็ก


ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติยุโรป (ยูโรสแตต) ระบุว่า สมาชิกอียู 27 ประเทศ ร่วมกันส่งออกผลิตภัณฑ์นมไปจำหน่ายที่จีน คิดเป็นมูลค่า 1,680 ล้านยูโร (ราว 64,121.68 ล้านบาท) เมื่อปีที่แล้ว โดยจีนนำเข้าเนย หัวนม หางนม และชีสหลายชนิดจากอียู มากเป็นลำดับต้นของโลก


ความเคลื่อนไหวของจีนเกิดขึ้น หลังอีซีเผยแพร่รายงานฉบับแก้ไข เกี่ยวกับแผนการปรับขึ้นภาษียานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ของจีน เพื่อให้สมาชิกอียูลงมติ อย่างช้าที่สุดภายในสิ้นเดือน ต.ค. นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 5 ปี จากเดิมที่เคยกำหนดไว้สูงถึง 37.6% สำหรับเอสเอไอซี ให้ลงมาอยู่ที่ 36.3% บีวายดีจะเผชิญกับอัตราภาษี 17% ลดลงจาก 17.4% จีลีจะเผชิญกับอัตราภาษี 19.3% ลดลงจาก 19.9%


อนึ่ง ข้อมูลจากสภาแอตแลนติกระบุว่า ยอดขายอีวีของจีนในตลาดต่างประเทศ ขยายตัวมากถึง 70% เมื่อปี 2566 โดยมีมูลค่าสูงถึง 34,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.16 ล้านล้านบาท) และราว 40% ของสินค้าทั้งหมด เป็นการส่งออกไปยังตลาดยุโรป.

เครดิตภาพ : AFP