สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 23 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวว่า กองทัพยูเครนพยายามโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในภูมิภาคเคิร์สก์ นับตั้งแต่มีการบุกข้ามพรมแดน เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ และรัฐบาลมอสโกแจ้งให้ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) รับทราบ เกี่ยวกับการพบชิ้นส่วนโดรนตก ในรัศมีเพียง 100 เมตร จากโรงไฟฟ้า


อย่างไรก็ตาม นายอเล็กซี สเมียร์นอฟ ผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์ ยืนยันกับปูติน ว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในพื้นที่ยังคงทำงานตามปกติ และกล่าวด้วยว่า เริ่มมีการติดตั้งห้องหลบภัยทำจากคอนกรีต ในบริเวณใกล้กับป้ายรถประจำทาง 60 แห่งทั่วเมืองเคิร์สก์ ซึ่งเป็นเมืองเอก และเมืองบางแห่งที่อยู่รอบนอก ขณะที่จำนวนประชาชนซึ่งต้องอพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง เพิ่มเป็นมากกว่า 133,000 คน


ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ลงพื้นที่ภูมิภาคซูมี ที่อยู่ทางตะวันออกของประเทศ และมีพรมแดนติดกับภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งเซเลนสกียังคงเน้นย้ำว่า เป้าหมายทางทหารของยูเครนในปฏิบัติการครั้งนี้ ยังคงเป็นการก่อสร้าง “แนวกันชน” เพื่อปกป้องประชาชนในภูมิภาคตะวันออกของประเทศ จากการโจมตีของรัสเซีย และเพื่อ “กดดัน” ให้รัฐบาลมอสโกเข้าร่วมการเจรจา


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สู้รบในภูมิภาคโดเนตสก์ ที่เป็นศูนย์กลางความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ตั้งแต่ปี 2557 แทบไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย และทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สงครามระหว่างทั้งสองประเทศปะทุ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565


ทั้งนี้ ประชาชนในเมืองมีร์โนกราด ของภูมิภาคโดเนตสก์ ในภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งสถิติก่อนเกิดสงครามระบุว่า มีประชากรราว 40,000 คน ทยอยอพยพออกจากพื้นที่ตามคำสั่งของทางการ เนื่องจากการรุกคืบอย่างหนักของกองทัพรัสเซีย

ขณะที่ชาวเมืองโปครอฟสก์ ในภูมิภาคโดเนตสก์ ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 50,000 คน และตั้งอยู่ห่างจากเมืองมีร์โนกราดประมาณ 5 กิโลเมตร ได้รับคำสั่งให้อพยพ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา


นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ ว่าสามารถสกัดกั้นความพยายามโจมตีข้ามพรมแดนครั้งใหม่ของยูเครน ที่ภูมิภาคเบรียนสก์ ที่อยู่ทางตะวันตกของประเทศ ใกล้กับภูมิภาคเคิร์สก์ แต่ยูเครนยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเรื่องนี้.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES