เมื่อวันที่  22 ส.ค. นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้ช่วยอธิบดีกรมสุขภาพจิตและผอ.รพ.สวนปรุง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ทาง รพ.ได้จัดทีมเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชม. บูรณาการในพื้นที่ให้บริการประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพจิตได้อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที เตรียมทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจ (MCATT) เตรียมยา เวชภัณฑ์ ให้พร้อมลงปฏิบัติงานดูแลจิตใจแก่ผู้ประสบภัย ในกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่ ผู้ที่มีประวัติการรักษาโรคทางจิตเวช ใช้สารเสพติด ผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักและทรัพย์สิน ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และเด็ก กลุ่มผู้ที่ต้องการบริการด้านสุขภาพจิต ตลอดจนช่วยเหลือเยียวยาจิตใจครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้สูญหายทุกราย

นพ.กิตต์กวี กล่าวว่า ในการดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย จะมีหลักสำคัญ 5 ข้อ ได้แก่ 1.การทําให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย ตั้งแต่การให้ข้อมูลข่าวสารอย่างเหมาะสม การให้ที่พักพิง รวมถึงการเข้าถึงความต้องการพื้นฐานต่างๆ  2.การทําให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย ได้แก่ การรับฟังอย่างเข้าใจ การให้ข้อมูล การให้คําปรึกษาเบื้องต้น ตลอดจนการคลายเครียดต่างๆ  3.การช่วยเหลือ จัดการให้มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างสมํ่าเสมอ โดยเฉพาะครอบครัว และการช่วยเหลือต่างๆ  4.การสร้างความหวังที่เป็นไปได้ เช่น การประสานงานให้ได้รับการช่วยเหลือต่างๆ จากภาครัฐและอื่นๆ การให้ข้อมูล การช่วยเหลือ การติดตามคนที่สูญหาย การจัดหางาน การฝึกอาชีพ รวมถึงการช่วยเหลือในการกลับไปสู่ภาวะปกติ และ 5.การส่งเสริม กระตุ้น บุคคล หรือชุมชน ในการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ฟื้นฟู และช่วยเหลือกันและกัน

ซึ่งสำหรับปฏิกิริยาทางด้านจิตใจของผู้ประสบภัย จะมีการแสดงออกที่แตกต่างกันไป ตามระยะของการเกิดภัย ซึ่งในระยะนี้ อยู่ในช่วงระยะวิกฤติและฉุกเฉิน ขอให้พึงระลึกเสมอว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเกิดอาการต่างๆ เหล่านี้ได้ ด้านอารมณ์ เช่น ช็อก โกรธ สิ้นหวัง หวาดกลัว เศร้าโศก เสียใจ หงุดหงิด ด้านความคิด เช่น ไม่มีสมาธิ ความจำไม่ดี สับสน ตำหนิตัวเอง วิตกกังวล ด้านร่างกาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดต้นคอ ท้ายทอย ใจสั่น นอนไม่หลับ ตื่นเต้น ตกใจง่าย และ ด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่น เช่น แยกตัว ขัดแย้งกับคนใกล้ชิด เป็นต้น เหล่านี้ถือเป็นการตอบสนองตามปกติที่เกิดขึ้นและจะค่อยๆ ลดลงจนหายไปเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งแต่ละคนจะมีระดับความเครียดแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับต้นทุนชีวิตเดิมหรือบุคลิกภาพเดิมเป็นอย่างไร และเป็นคนที่สามารถปรับตัวได้มากน้อยเพียงใด

“หากพบผู้ประสบภัยมีความเครียดสูง มีภาวะซึมเศร้า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย สังเกตได้จากเดิมเคยเป็นคนร่าเริง เปลี่ยนเป็นซึมเศร้า บ่นท้อแท้ หดหู่ใจ หรือบ่นถึงความตายบ่อยๆ จะรีบเข้าไปช่วยเหลือ พูดคุย ให้กำลังใจ ช่วยลดความเครียดลง” นพ.กิตต์กวี

สำหรับรายที่มีอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรง ท้อแท้ หรือเครียดมากๆ จนถึงขั้นกระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิ อาจต้องให้ยาคลายความเศร้า หรือยาคลายความเครียดที่จะทำให้การนอนหลับดีขึ้นร่วมด้วย โดยจะมีการติดตามอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องต่อไปเป็นระยะเวลา 3 เดือน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพจิตที่รุนแรงในระยะยาว และเกิดโรคทางจิตเวช เช่น โรคภาวะเครียดหลังเหตุการณ์รุนแรง (PTSD) อีกด้วย