จากกรณี “เดลินิวส์” ได้เสนอข่าวปัญหาการถือครองที่ดินของรัฐ และการประกอบธุรกิจวิลล่าหรูให้เช่าของชาวต่างชาติบนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มาอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การตรวจสอบของ กอ.รมน.ภาค 4 และพบปัญหาความรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยมีการประเดิมกล่าวโทษเอาผิดการก่อสร้างวิลล่าหรู จำนวน 53 หลัง บนเขาเฉวงน้อย พื้นที่ หมู่ที่ 3 ต.บ่อผุด ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปทส. ขณะที่เทศบาลใช้คำสั่งปกครอง ทุบ 2 อาคารนำร่อง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 22 ส.ค. พ.อ.ดุสิต เกษรแก้ว หัวหน้าชุดตรวจสอบและแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 กอ.รมน.ภาค 4 พร้อมด้วย พ.อ.สนิท มีแสง ที่ปรึกษา ผอ.รมน.ภาค 4 ร่วมกับ นายประกิจ แก้วประเสริฐ วิศวกรโยธาชำนาญการเทศบาลนครเกาะสมุย ฝ่ายปกครองอำเภอเกาะสมุย หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ สฎ.16 (เกาะสมุย) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี และตำรวจ สภ.บ่อผุด บูรณาการร่วมกัน ออกปฏิบัติการ “สมุยโมเดล” เข้าตรวจสอบวิลล่าหรูแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่บนเขาเฉวงน้อย ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
จากการเข้าพื้นที่ตรวจสอบ พบว่ามีอาคาร 3 หลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง แต่ไม่พบคนงาน หรือบุคคลอื่นใดอยู่ในบริเวณพื้นที่ และพบอาคารที่สร้างแล้วเสร็จและมึการใช้งานจำนวน 4 หลัง รวม 7 หลัง พบว่า มี 1 หลังสร้างอยู่ในพื้นที่ความลาดชันเกินกว่าร้อยละ 50 ส่วนอีก 4 หลังอยู่ในพื้นที่ลาดชันร้อยละ 35-50 ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ก่อสร้างได้ความสูงไม่เกิน 6 เมตร อย่างไรก็ตามก่อนเข้าตรวจสอบพื้นที่ ได้ทำการตรวจสอบการจองห้องพักผ่านระบบอินเทอร์เน็ตพบว่ารับจองวิลล่าขนาด เนื้อที่ 800 ตร.ว. พร้อมสระว่ายน้ำ จำนวนผู้พัก 8 คน กำหนดพัก 3 คืน ในราคา 135,000 บาท แต่จากการตรวจสอบชื่อจากระบบงานโรงแรม (e-DOPA License) ของที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย ไม่พบข้อมูลการขออนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรม และการขอใบรับแจ้งสถานที่พักไม่เป็นโรงแรม
พ.อ.ดุสิต กล่าวว่า พื้นที่ที่เข้าตรวจสอบมีทั้งพื้นที่สีแดงเป็นพื้นที่ห้ามก่อสร้าง และพื้นที่สีเหลืองก่อสร้างได้สูงไม่เกิน 6 เมตร แบบมีเงื่อนไขประกอบตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่โครงการนี้มีอาคารสูง 3-4 ชั้น ซึ่งดูแล้วก็ผิด ซึ่งจะให้ทางเทศบาลนครเกาะสมุยตรวจสอบใบอนุญาตก่อสร้างอาคารทั้งหมดว่ามีหรือไม่ โดยเฉพาะอาคารที่สั่งอยู่ในพื้นที่สีแดง หากมีใบอนุญาตก่อสร้าง เจ้าหน้าที่ผู้ที่ออกใบอนุญาตก็จะต้องรับผิดชอบการกระทำตรงนั้น
พ.อ.ดุสิต กล่าวอีกว่า ก่อนเข้าตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าดูพฤติการณ์พบยังมีการนำคนงานก่อสร้างเข้ามาทำงานอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มทุนจีน แต่ขณะเข้าตรวจสอบกลับไม่มีคนงานเข้ามาทำงาน ไม่มีเจ้าหน้าที่ของโครงการ รวมทั้งผู้ที่พักอาศัยในวิลล่าที่เปิดให้บริการ ทำให้เราไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย อาจจะเป็นไปได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนเป็นหูเป็นตาให้กับกลุ่มทุนพวกนี้ ซึ่งหากตรวจสอบได้ว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที.